เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวชีวิตจริงที่อ้างอิงจากกระทู้เว็บไซต์ Pantip นะคะ ซึ่งมีประโยชน์และให้แง่คิด เสริมภูมิคุ้มกันชีวิตได้อย่างมากทีเดียว ป๊อกจึงได้นำมาแชร์ เนื้อเรื่องยาวหน่อย แต่ผู้เล่า เล่าได้ตื่นเต้น และน่าติดตามมาก…
กระทู้นี้ เป็นกระทู้แรก จากที่เคยอ่านแต่เรื่องราวของคนอื่นใน Pantip และดูซี่รี่คลับฟรายเดย์ จนอินบ่อน้ำตาแตกมาหลายๆครั้ง แต่ไม่เคยคิดว่าในที่สุด..เหตุการณ์เหล่านี้จะมาเกิดขึ่นกับตัวเราเอง ..
เรื่องราวของเราเป็นเหตุการณ์จริงๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2558 เป็นวันเหตุการณ์ ที่ทำให้เราตัดสินใจเลิกกับอดีตสามี อย่างเด็ด ขาด มาจนทุกวันนี้… ณ ปัจจุบัน 3 เดือนกว่า แล้ว และเราไม่มีความคิดที่จะกลับไปคืนดีด้วยแน่นอน
ขอเล่าเลยแล้วกันนะคะ ……..ตัวเรากับอดีตสามี (ต้องใช้คำว่าอดีตสามี เพราะไม่กลับไปเอาเป็นสามีแล้วแน่นอนค่ะ) เรากับอดีตสามีคบกันมา 15 ปี ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมา 10 ปี แต่งงาน มา 7 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน(ลูกอายุ7ปี) สาเหตุที่แต่งเพราะเราท้อง …
ซึ่งต่อไปนี้เราขอใช้คำเรียกแทนอดีตสามีว่า P ค่ะ
มองจากภาพลักษณ์ของครอบครัวเราภายนอก ครอบครัวเราดูเหมือนเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก จนใครหลายๆคนอิจฉา (ดูจากการลงFB สร้างภาพ ว่ารักเรารักลูกของP)เรารักและ เชื่อใจ P มาก เพราะP ไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงมาเข้าหูเลย ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน โทรศัพท์เค้าเราก็รู้รหัส และสามารถดูและเช็ค ได้ตลอดเวลา แต่เราไว้ใจP มาก เราไม่ค่อยเช็ค หรือนานๆถ้ามีปัญหากันบ้างก็จะเช็คโทรศัพท์ทีนึง
….P เป็นคนมีสังคม มีเพื่อนฝูงเยอะ รู้จักคนเยอะ เป็นคนรักพวกพ้อง รักเพื่อน ชีวิตประจำวันของP อยู่กับการทำงาน ตกกลางคืนก็ชอบออกงาน ดื่มเหล้า เที่ยวกลางคืน ปาร์ตี้ บ่อยมาก จนเรียกได้ว่าเกือบทุกคืนเลยก็ว่าได้ แต่เราก็ไม่เคยว่า ไม่เคยบ่น หาเรื่องทะเลาะ หรือโทรจิกโทรตาม ตอนที่P ออกไปเที่ยวนอกบ้านเลย ด้วยนิสัยส่วนตัวที่เราเป็นคนที่ไม่ชอบจิก ไม่ตาม และไม่อยากมีปัญหาทะเลาะ ประกอบกับความเชื่อใจว่าเค้าไม่นอกใจเราแน่นอน ช่วงแรกที่ยังไม่มีลูก เราก็จะไปไหนมาไหน ตัวติดกับ P ตลอดแต่พอเราแต่งงานมีลูกมาตลอด 7 ปี เราก็ต้องดูลูก ประกอบกับเราทำงานออฟฟิสตอนกลางวันด้วย จึงไม่ค่อยได้ไปไหน หรือออกไปเที่ยวตอนกลางคืนกับ P สักเท่าไร นานๆจะไปด้วยสักครั้ง ตอนมีลูกแล้ว P ไม่ค่อยมีเวลากับชีวิตประจำวันอยู่กับเราและลูกสักเท่าไร
…เราไม่เคยกินข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากัน เราไม่เคยนอนดูละครหลังข่าวพร้อมกัน เราไม่เคยเข้านอนพร้อมกันเลย เรากับลูกจะหลับ ก่อนที่ P จะกลับมาบ้านเสมอ แต่เราก็ไม่หาเรื่องทะเลาะหรือเรียกร้องสักเท่าไร เพราะคิดให้กำลังใจตัวเองเสมอว่า อย่างน้อย P ก็ทำงานเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกทุกอย่าง และผ่อนรถให้เรา เราจึงปลอบใจตัวเองว่า เค้าคงเหนื่อยกับภาระหน้าที่มามากแล้ว เราก็ปล่อยให้เค้าไปผ่อนคลายของเค้าเอาที่เค้าสบายใจ ให้เค้ามีความสุขและรับผิดชอบต่อหน้าที่และไม่นอกใจเราก็พอแล้ว
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราพยายามโฟกัสความสนใจไปที่ลูกและงาน แม้ว่าเราจะรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวมากแค่ไหน เราก็ไม่กล้าเรียกร้องจากP เราจะใช้วิธีการเอาธรรมะเข้าข่มใจตัวเอง ไม่เอาจิตไปคิดมากให้ฟุ้งซ่านให้ทุกข์และคิดอยู่เสมอว่า ถึงแม้ว่าP จะเป็นแบบนี้แต่เขาก็ไม่เคย นอกใจนอกกาย หรือนอกลู่นอกทาง ประกอบกับP เป็นคนนิสัยโมโหร้าย และไม่ชอบให้ใครจู้จี้ จุกจิกมาก เราจึงได้แต่ทำใจจนเคยชินและยอมรับในนิสัย และพฤติกรรมแบบนี้ของเค้ามาตลอดเวลา 10 ปี ที่อยู่ด้วยกัน แต่เราก็มีข้อตกลงที่เราจะคอยพูดย้ำอยู่เสมอว่า
“เราปล่อยเราให้อิสระคุณ แต่ถ้าจับได้เมื่อไรว่าคุณนอกใจเรา คำขาดของเราคือ คำเดียวคือ “เลิก”
…ในชีวิตประจำวันของเราในแต่ละวัน เราเป็นสาวออฟฟิสเข้างาน 8 โมง เลิก 5 โมง เรากับP ไม่เคยโทรหากัน ไม่เคยไลน์หากัน จะโทรหรือไลน์ หาก็เฉพาะตอนที่มีธุระจริงๆเท่านั้น ทุกวันที่เรากลับบ้านไป ก็ไม่ค่อยได้เจอหน้าP เลย เพราะเค้าจะมีเรื่องให้ออกนอกบ้านแทบทุกวัน เรากับ P ไม่เคยได้กินข้าวเย็น ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่เคยเข้านอนพร้อมกัน ทุกวันเราหลับแล้ว เค้าก็กลับบ้านนอนตี 1 ตี 2 บ้าง ตี 5 บ้าง ไม่กลับบ้าง แต่เราไม่ก็เคยว่าเค้าเลย วันที่ไม่กลับเค้าจะบอกเราบอกว่าเมา นอนค้างบ้านเพื่อนบ้าง บ้านพี่ๆบ้างกลับไม่ไหว ไม่อยากขับรถอันตราย เราก็เป็นห่วงเค้ากลัวเมาแล้วขับกลับแล้วเกิดอุบัติเหตุด้วย ก็เลยไม่ได้ว่าหรือมีปัญหาอะไร ในวันที่เค้าไม่กลับบ้านบ่อยๆ เราไม่อยากมีการทะเลาะเกิดขึ้นให้เสียสุขภาพจิต เราพยายามข่มจิดใจตัวเองไม่ให้ไปยึดติดกับพฤติกรรมของเค้ามาก แค่คิดว่าถึงเค้าจะเป็นแบบนี้เค้ารักเรา รักลูก และไม่นอกใจก็พอแล้ว
…….จนช่วงระยะหลังๆมา Pเริ่มมีพฤติกรรมที่แย่กว่าเดิม จนเริ่มสังเกตได้ชัด ว่าต้องมีอะไรบางอย่าง ที่ไม่ปกติปิดบังเราอยู่ และประกอบกับเซ้นส์ผู้หญิงของเรา ทำงานแรงมาก (เหมือนกระทู้นึง ที่เพื่อนๆชาว Pantip เคยบอกกว่า “เซนส์ของผู้หญิงแรงและถูกเสมอ”) เรารู้สึกได้ว่า P กำลังนอกใจแต่เราก็ไม่อยากมีปัญหาทะเลาะเพราะเรารู้จัก นิสัยเค้าดีว่า ถ้าไม่มีหลักฐานที่แบบคาหนังคาเขา และเราพูดอะไรไปก็จะกลายเป็นเรางี่เง่า แล้วเค้าจะโมโห หาเรื่องทะเลาะรุนแรงและกลายเป็นเราผิดแทน เราจึงได้เก็บเรื่องราวที่สงสัยต่างๆไว้ในใจ และคอยสังเกตุพฤติกรรมของ P มาตลอดมา
…พักหลัง P มีพฤติกรรมที่ ผิดสังเกตมาก เช่น มีการใช้เสียงเพลงรอสายที่มีความหมายสื่อถึงการมีความรักฉันชู้สาว(ที่ ไม่ เกี่ยวกับเรา)พักหลัง P ชอบปฏิเสธไม่ให้เราไปไหนมาไหนด้วยทั้งที่ก่อนหน้านี้ เราจะไปด้วยก็ไปได้เสมอ และPชอบหาเรื่องทะเลาะกับเราแบบไม่มีเหตุผลบ่อยๆ ซึ่งเวลาทะเลาะกันทีเค้าก็จะไม่กลับบ้านตลอด บางทีก็ไม่กลับสองสามวัน พักหลังมานี้เวลาทะเลาะกันเค้าไม่เคยง้อ ไม่สนใจที่จะอธิบายหรือแก้ตัว ในสิ่งที่เค้าทำเลยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเค้านี้ทำให้เราชักเริ่มมั่นใจว่าเค้าต้องมีอะไรที่ไม่ดีปิดบังเราอยู่ แน่นอน….. …
จนทำให้เรากลับมาใช้ แอพ Find my iphone อีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้เราเคยใช้มาแล้ว ตอนเราตั้งโปรแกรมนี้เราบอกเค้าว่าเวลาโทรศัพท์โดนขโมยจะได้ตามได้ไง แต่P ก็จะคอยปิดการค้นหาตลอด เวลาเราเปิด เค้าก็จะคอยปิดอีกทุกครั้ง จนเราก็เลิกดูไปเลยเพราะไม่อยากมีปัญหา เดี๋ยวP เค้าจะหาว่าไม่ไว้ใจเค้า เราเลิกดูไปเป็นปีจนเค้าเริ่มตายใจว่าเราคงไม่ดูแล้ว ระยะหลังที่มีเซ้นส์แรงๆนี้ เราลองเข้าไปแอบเปิด แอพ Find my iphone เครื่องเค้าอีกครั้ง
และครั้งนี้Pไม่ได้ดู ไม่ได้เข้าไปปิด เค้าคงตายใจว่าเราคงไม่ดูแล้ว เราก็คอยสังเกตว่าเค้าไปไหนมาไหนบ้างในแต่ละวัน ทุกครั้งที่เค้าไปไหนที่ออกนอกเส้นทางปกติที่ควรไป เรารู้เราก็จะไม่พูด ไม่ถามให้มีทำพิรุธ จนพักหลังๆ เริ่มจับจุดได้ว่ามีไปในจุดที่เหมือนจะมีโรงแรมม่านรูด แต่ด้วยความที่ไม่แน่ใจในโลเคชั่นมากนัก ทำให้เราไม่กล้าตามไป ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ว่าใช่หรือป่าวไม่กล้าตัดสิน100% และก็ยังคงดูพฤติกรรมต่อไป วันนึงเราก็ดูตามปกติ มีจับจุดได้ว่าเค้าไปที่ห้างแห่งหนึ่ง เราดูว่าเค้าอยู่ที่ห้างนั้นนานสองชั่วโมง ผิดสังเกต เราจึงโทรไป และเค้าก็รับสายปกติ มีเสียงเหมือนอยู่ในโรงหนัง เค้าก็บอกว่าพาลูกมาดูหนัง เราก็เลยหายสงสัย พอเย็นวันนั้นเลิกงานกลับบ้านไป เราก็ถามไถ่ลูกตามปกติว่าไปดูหนังเรื่องอะไรกับพ่อมาลูก สนุกมั้ย (แต่ช่วงนี้เซ้นส์แรงเลยถามละเอียดมากกว่าปกติ) เราได้ถามต่อว่ามีใครไปบ้างลูก ให้ลูกไล่ทีละคน ลูกก็บอกว่า มีพ่อ มีอาA( นามสมมุติ)ซึ่งเป็นลูกน้องของพ่อ และแฟนอาA และอาผู้หญิงคนนึงเป็นเพื่อนกับแฟนอาA เราก็ได้ถามต่อว่านั่งกันยังไงลูก ( ลูกเราป.1 แล้วซึ่งเค้าเป็นเด็กฉลาด ความจำดีและจำคนได้เก่งมาก ) ลูกเราก็ไล่ตำแหน่งที่นั่งให้เราอย่างละเอียด “เพื่อนของแฟนอาA นั่งคนแรก+แล้วก็พ่อ+ แล้วก็หนู +แล้วก็อาA+แล้วก็แฟนอาA คับ” เราก็เกิดความสงสัยขึ้นเพราะปกติคนนั่งดูหนัง ถ้าเป็นเพื่อนของแฟนอาA จริงๆก็ต้องนั่งใกล้เพื่อนเค้าสิ จะมานั่งใกล้ P พ่อของลูกเราได้ยังไง เราก็คิดว่ามันชักกลิ่นไม่ดีแล้ว งานนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ เราเลยถามถึงลักษณะรูปพรรณของผู้หญิงคนนั้น ลูกเราก็บอกอย่างละเอียด ว่าผมสั้น ใส่เหล็กดัดฟัน เราเลยเปิดรูปผู้หญิงทุกคนFacebook ที่รู้จักกับP ที่มีลักษณะตามที่ลูกบอกให้ลูกเราดูเกือบทุกคน ลูกเราก็บอกว่าไม่ใช่ทุกคนในรูปเลย แหมแม่หนูเจออาเขาตั้งหลายครั้งแล้วทำไมหนูจะจำเขาไม่ได้ ตอนที่ไปทะเลกับพวกเพื่อนๆพ่อ อาเขาก็ไปเล่นกับหนู ด้วยความอึดอัดวันนั้นเราก็เลยถาม P ว่า ผญ.คนนี้เป็นใครหรอ ทำไมไปดูหนังถึงนั่งใกล้คุณ
..วันนั้น P ก็ตอบมาอย่างไม่ต้องคิดนานว่า เป็นเพื่อนของแฟนไอA ลูกน้องไง ที่นั่งใกล้เพราะโรงหนังเขาจะนั่งกันตรงไหนก็ได้พอดีมันเดินเข้าไปก่อนก็เลย นั่งใกล้กันขี้เกียจย้ายที่ แหมถ้ามีอะไรPจะชวนลูกไปดูด้วยทำไม คิดบ้างสิ ลูกเราโตแล้วนะ ไปดูด้วยกัน2คน ไม่ดีกว่าหรอ เพราะลูกต้องบอกเราอยู่แล้ว เราฟังแล้วก็คิดตาม ก็คล้อยตามในสิ่งที่P พูดว่าถ้ามีไรกันจริงๆคงไม่กล้าเอาลูกเราไปด้วย (แต่ไม่ได้เชื่อ100%หรอกนะยังคงเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ) เพราะมันไม่คาหนังคาเขา จะพูดมากไปกว่านี้เดี๋ยวก็จะหาเรื่องทะเลาะกับเรา กลายเป็นเรางี่เง่าไม่ไว้ใจเค้าอีก หึ
ช่วงระยะหลัง เรารู้สึกว่าพฤติกรรมของเค้ามันทำให้เรารับรู้ว่าเค้ามีคนอื่น แน่นอน และเราก็ทุกข์มาก แต่มันจุกอยู่ข้างในอก เพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่จะให้เค้ายอมรับได้เลย แถมพูดอะไรก็ไม่ได้ ต้องเก็บความทุกข์ไว้ในใจมาตลอดเพราเราไม่อยากกลายเป็นคนผิด และไม่อยากให้เค้าไหวตัวทัน เราจึงได้แต่สวดมนต์ และไหว้ขอพรสิ่งศักสิทธิ์ ว่าถ้าเค้านอกใจเราจริงๆก็ขอให้เราจับได้คาหนังคาเขาแบบที่ให้เลิกขาดได้ ในครั้งนี้ไปเลย เราขอสิ่งศักสิทธิ์ตลอดทุกครั้งที่เราคิดเรื่องนี้ เพราะอยู่ไปเราก็ไม่เคยมีความสุขมานานแล้ว และมีแต่ทุกข์มากขึ้นๆทุกวัน …..
…….จนมาถึงวันเหตุการณ์สำคัญ วันที่ 15 พฤษภาคม 2558 วันนี้เซ้นส์เราแรงหรือเหมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาดลใจ เราจึงได้เปิด ดูแอพ Find my iphone และไปเจอเค้าอยู่จุดที่ดูเหมือนเป็นอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ซึ่งที่นี่เราเคยไปเพราะพี่ที่ทำงานเราเคยพักอยู่ เราเลยรู้ว่าตรงจุดนี้เป็นอพาร์ทเม้นท์นี้แน่ๆ เค้าอยู่จุดนี้ไม่เปลี่ยนที่ประมาณครึ่งชั่วโมง เราเลยแกล้งกดโทรหาเค้าทำเป็นจะคุยธุระ แต่เค้าไม่รับสายประมาณ 10 สาย ++ เราจึงโทรเข้าเบอร์พ่อเค้าที่บ้านและถามว่าPอยู่ไหม พ่อเค้าบอกว่าไม่อยู่และ Pเอารถของพี่ชายออกไป ซึ่งมันผิดปกติมากๆ เรามือสั่น ทำงานต่อไม่ไหว เลยตัดสินใจขอหัวหน้าลางานบอกว่าออกไปธุระด่วน
ตอนเราขับรถไปเรายกมือไหว้สิ่งศักสิทธิ์ ภาวนาขออีกครั้ง ว่าถ้ามีอะไร ก็ขอให้ลูกได้เจอ ขอให้ลูกได้รู้ได้เห็น ขอให้จับได้แบบคาหนังคาเขาในครั้งนี้ด้วยเถิด ลูกตัดสินใจแล้ว ลูกไม่เอาผู้ชายคนนี้แล้ว ลูกไม่อยากทุกข์แบบนี้ต่อไปอีกแล้วค่ะ เราขับรถไปตัวเราสั่นไปหมด เราได้จอดรถไว้ที่หน้าอพาร์ทเม้นท์นั้น และแกล้งเดินผ่านหน้ายามเนียนๆ เข้าไปทำเหมือนเข้ามาหาเพื่อนที่พักที่นี่ตามปกติ เรามุ่งไปที่ลานจอดรถชั้นแรก ไม่เจอ เลยเดินขึ้นไปที่ลานจอดรถชั้น 2 เราเจอรถของพี่ชายเค้าจอดอยู่ หัวใจเราเต้นแรงมาก มือเราสั่น ตอนนั้นปวดฉี่จะราด แต่กลัวว่าถ้าไปฉี่แล้วจะคลาดกันเลยอดทนไว้ เราตัดสินใจดักอยู่ตรงลานจอดรถ และกดโทรศัพเข้าไปที่เบอร์P อีกครั้ง………..
…ครั้งนี้เค้ารับ เราเลยแกล้งบอกว่า เราปวดท้องมาก ทำงานไม่ไหว โทรไปเป็นสิบสาย ทำไรอยู่ ทำไมไม่รับ Pก็ทำเสียงเหมือนงัวเงียนอนหลับพึ่งตื่น บอกว่านอนอยู่ เราก็เลยบอกว่า อ๋อหลับหรอ ลูกอยู่ไหนล่ะ เค้าบอกไม่รู้ไปเล่นไหน เค้านอนหลับอยู่ในห้อง สงสัยลูกเล่นอยู่ข้างนอกอยู่กับพ่อมั้ง เราก็บอกโอเคเราปวดท้องมากกินยาแล้วไม่หาย เด๋วจะนอนพักที่ทำงานก่อน ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวยังไงโทรบอกนะ เค้าก็อืมๆ แล้วก็วางสายไป นาทีนั้นหัวใจเราเหมือนไม่ได้อยู่ที่ตัว ร่างกายมัน มันจุก มือชา ตัวสั่น มือสั่น น้ำตาคลอ เราทำไรไม่ถูก จะโทรหาเพื่อนก็ไม่รู้จะโทรหาใคร โทรทำไมบอกว่าอะไร เราตันไปหมด…
หลังจากวางสายจาก P สักพักไม่เกิน 10 นาที มีคนเปิดประตูออกมาจากห้องพัก ภาพที่เห็นเป็น P เดินคู่มากับผู้หญิงตัวเล็กคนนึง เราหันไปสบตากับผู้หญิงคนนั้นประมาณ 3 วินาที ต่างคนต่างช็อค เรารีบเดินเข้าไปหา แต่ผู้หญิงคนนั้นนางวิ่งหนีแบบเร็วมากกก เหมือนนักวิ่งทีมชาติไทยเลยก็ว่าได้ (ในใจคิดว่าหรือนางจะเป็นเมียน้อยมืออาชีพ ทำไมถึงตั้งตัวได้เร็ว และวิ่งเร็วขนาดนี้ ) เราวิ่งตาม แต่P มันจับเรายึดไว้ไม่ให้วิ่งตาม ตอนนั้น P พูดอยู่ประโยคเดียวว่า” มีอะไรกลับไปคุยกันที่บ้าน” เราบอกให้P ตามผู้หญิงคนนั้นกลับมาเคลียตรงนี้ตอนนี้ เราให้โอกาสเค้าเคลียตรงนี้ตอนนี้เท่านั้น เราแกล้งขู่ว่าถ้าไม่เรียกมาคุยตอนนี้เราจะฆ่าตัวตาย (แต่มันเป็นคำขู่เท่านั้น ในสมองเราจริงๆไม่ทำแบบนั้นอยู่แล้ว เพียงแค่ลองขู่แบบนี้ดู ว่าP จะแคร์ชีวิตเรามากกว่าผู้หญิงคนนั้นไหม) แต่ P ไม่ยอมตามผู้หญิงคนนั้นมาเคลียถึงแม้ว่าเราจะขู่ไปแบบนั้นก็ตาม!!! และPพูดแต่คำเดิมๆว่า มีอะไรกลับไปคุยกันที่บ้าน เราทะเลาะยื้อยุดฉุดกระฉากกับP อยู่ตรงหน้าห้องนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงP จึงปล่อยเรา(เหมือน P แน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นหนีไปไกล พ้นแล้ว)เราคิดอะไรไม่ออก เราจึงวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้า..นาทีนั้น(ไม่ค่ะไม่โดด) เราจึงเข้าไปนั่งอยู่ในห้องน้ำชั้นดาดฟ้า(ปวดฉี่อยู่แล้วด้วยเลยฉี่ซะเลย) เรานั่งอยู่ในนั้นครึ่งชั่วโมง ทำไรไม่ถูก กดไลน์ไปหาเพื่อน ไลน์เล่าเหตุการณ์ ให้เพื่อนฟัง เพื่อนเรารีบโทรมาทันที แต่เราไม่อยากรับสาย เราไลน์บอกไปว่า.. เรายังช็อคอยู่ยังพูดไม่ไหว ขอพิมพ์คุยทางไลน์แล้วกัน เราบอกเพื่อนเราว่า ไม่ต้องห่วง… “กูไม่ฆ่าตัวตายแน่นอน กูมีแม่ กูมีลูก”
เรานั่งอยู่ในห้องน้ำนั้นจนเป็นลม สักพักก็มีเสียงพี่ๆของ P มาเคาะประตูห้องน้ำ เราจะเป็นลม และเราไม่อยากเจอใครทั้งนั้น เราจึงไม่ตอบ ไม่ออกไป จนพี่ๆP ต้องตามแม่บ้านมาไขประตูห้องน้ำ เอาเราออกไปนั่งข้างนอก P ก็โทรมาถามพี่ๆเค้าว่าเราเป็นไงบ้าง พอเราหายเป็นลม เราจึงได้บอกพี่ๆP ไปอีกครั้ง ให้บอกP ว่าให้โอกาสตรงนี้ตอนนี้เท่านั้น ให้เรียกผู้หญิงคนนั้นมาเคลีย หากไม่เรายืนยันคำเดียวว่าเราเลิก และP จะไม่ได้เห็นหน้าเราอีกตลอดชีวิต Pบอกกับพี่ๆเค้ามาว่า โทรตามมาเคลียไม่ได้ เพราะผู้หญิงคนนั้นมีผัวเลี้ยงอยู่ มันไปหาผัวมันแล้ว โทรตามไม่ได้
….เราจึงตัดสินใจ โอเค วันนี้เราเลิกขาดกับผู้ชายคนนี้แล้ว 100% ขอบคุณสิ่งศักสิทธิ์มากๆค่ะ ที่ช่วยลูกให้ตาสว่าง
หลังจากเหตุการณวันนั้นเราไม่กลับเข้าบ้านP อีกเลย ออกมาตัวเปล่าเสื้อผ้าชุดเดียวที่ใส่ เราปิดเฟสบุ๊ค ปิดมือถือ เราได้ส่งเรื่องลาออกจากงานที่ทำงานเก่า และย้ายมาอยู่กับเพื่อนที่ ตจว. และได้งานใหม่ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ….ช่วงสองสามวันแรกเราช็อคไม่พูดไม่เล่าให้ใครฟัง เพราะเราไม่พร้อมจะเล่า และเราไม่อยากเสียน้ำตากับเรื่องนี้ หลังจากเหตุการวันนั้นมาเราไม่ร้องไห้เลย มันจุกจนมันไม่มีน้ำตาไหลออกมาเลยสักหยด!!!
พอ 3 วันผ่านไปเราคิดว่าเราโอเคพร้อมที่จะเล่าแล้ว เราก็ได้เล่าให้เพื่อนๆ และพี่ที่รู้จักฟัง ประกอบกับเราและทุกคนอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้น เป็นใคร เค้าคงรู้จักเราดีถึงได้วิ่งเร็วขนาดนั้น เราจะยอมให้มันรู้จักเราฝ่ายเดียวไม่ได้ อย่างน้อยได้รู้ว่ามันเป็นใครชื่ออะไร ก็ยังดี เราจึงได้คำแนะนำจากพี่ๆว่า ลองไปขอดูกล้องวงจรปิดไหม ขอร้องให้เค้าเห็นใจ ลองดูเผื่อเค้าจะช่วย วันรุ่งขึ้นก็ได้เขาไปขอดูกล้องวงจรปิด แต่ก็ตามที่คิด พนักงานบอกว่า เป็นนโยบายของทางอพาร์ทเม้นท์ ที่ไม่อนุญาติให้คนนอกดูกล้องวงจรปิด เพราะไม่มีคดีความอะไรที่ร้ายแรงถึงแม้ว่าไปแจ้งความ แต่มันไม่ใช่คดีอะไรที่ร้ายแรงทางอพาร์ทเม้นท์ก็ไม่อนุญาตให้ดูอยู่แล้วค่ะ ทางอพาร์ทเม้นท์นี้เป็นแบบรายเดือนเท่านั้นไม่มีแบบรายวัน ถึงจะให้ดูกล้องวงจรปิดได้ (ครั้งแรกเราคิดว่าที่นี่มีเปิดแบบเช่ารายวันด้วย) พอได้รู้ว่ามีแต่รายเดือนแบบนี้ ไม่ยากเลยที่เราจะสืบต่อว่าผู้หญิงเจ้าของห้องนี้เป็นใคร เราได้ใช้ความน่าสงสารของเมียหลวง เล่าเคล้าน้ำตาให้แม่บ้านนิรนามคนนึงที่อพาร์ทเม้นท์นี้ฟัง เค้าจึงแอบบอกชื่อ ของผู้หญิงคนนั้นมา …เราได้ชื่อนามสกุล เราได้ให้เพื่อนที่รู้จักที่มีความสามารถขั้นสูง สืบหามาว่า ผญ.คนนี้คือใคร ภายในวันเดียว เราได้ทั้งชื่อ ที่อยู่ ได้ Facebook ผู้หญิงคนนี้มา ….นาทีแรกที่เราเห็นเฟสบุ๊ค เราเห็นรูปนาง เรามั่นใจทันที เราจำแววตาของนางตอนนั้นที่หันมาสบตากับเรา 3 วินาทีได้ ประกอบกับนางคนนี้ หล่อนโง่มากค่ะ!!! นางได้โพสสเตตัส ลงวันที่ 19 พค2558 ว่า ….
“ไม่อยากจะทำให้ใครเสียใจ ไม่อยากจะทำให้ใครแยกทาง ทั้งที่คนที่ควรคู่เธอและเคียงข้าง มันไม่ใช่คนอย่างฉัน” ประกอบกับโพสเพลง “ทั้งที่ผิดก็ยังรักของ วง AB Normal. ..โอโหเรามั่นใจใช่นางคนนี้แน่นอน 100% ค่ะ
สิ่งที่เราคาใจอยากรู้ว่านางคนนี้คือใคร เราก็ได้รู้แล้ว เราไม่คิดที่จะตาม โทรไปด่าหรือทำอะไรผู้หญิงคนนี้เลย แค่อยากรู้เท่านั้น และก็ได้รู้แล้ว ว่านางเป็นใคร เพราะเราไม่คิดที่จะเอาสามีคืน (ยกให้เลยค่ะ) เชิญเอาไปรับกรรมต่อนะคะ
เราสบายใจแล้วที่ได้รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เรารู้ข้อมูลของนางหมดทุกอย่าง ทั้งชื่อนามสกุล ชื่อเล่น ชื่อจริง รถที่ใช้ ที่พัก หมายเลขห้อง และรู้ว่านางมีผู้ชายเลี้ยงอยู่ด้วย แต่เราไม่รู้หรอกว่าคนที่เลี้ยงนางอยู่คือใคร? และไม่คิดที่จะไปยุ่งทำให้ผู้ชายคนนั้นเค้ารู้เพราะใจเราก็กลัวว่า ผู้ชายคนนั้นจะมามีเรื่องเก็บ P อย่างน้อย P ก็เป็นพ่อของลูกเรา และเราตัดสินใจให้ลูกอยู่กับ P ลูกจะสบายกว่ามาอยู่กับเรา ทั้งความสุขสบายทางฐานะและความพร้อมหลายๆอย่าง เราจึงตัดสินใจแล้วว่าให้ลูกอยู่ในความดูแลของ P
….ตอนนี้สภาพจิตใจเราโอเคขึ้น เราก็พร้อมเปิดใจ คุยกับเพื่อนๆ จึงได้เล่าให้เพื่อนๆฟัง และได้ส่งรูป และรายละเอียดของนางคนนี้ เข้าไปในกลุ่มไลน์ เพื่อนสนิทเราทั้ง 2 กลุ่ม
“ต่อไปนี้ขอเรียกสรรพนามแทนนางสาวชู้คนนี้ว่านาง T”
ในไลน์กลุ่ม เพื่อนสนิท มีเพื่อนรักของเราคนนึง ที่ก่อนหน้านี้ เรารู้ว่าแฟนของพี่ชายเพื่อนรักเราคนนี้ ก็พักที่อพาร์ทเม้นท์นี้ด้วย เรายังแซวเล่นๆอยู่เลยว่า ใช่เด็กพี่ชายแกป่าววะ?….พอดูรายละเอียดที่เราส่งไปให้ นางก็ตกใจ!! เพราะนางรู้มาว่าแฟนพี่ชายนาง ก็ใช้รถยี่ห้อนี้ สีนี้ พักที่นี่เหมือนกัน เอาล่ะสิ นางเลยรีบส่งรูปไปให้พี่ชายนางดู และถามว่า คนนี้ใช่แฟนพี่ป่าว …..และเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น
หลังจากที่เพื่อนรักเราส่งรูปไปให้พี่ชายดู เค้าถามเพื่อนเราว่า ทำไม เกิดอะไรขึ้น? เพื่อนเราบอกว่า ผู้หญิงคนนี้ มันไปนอนกับสามีเพื่อน หลังจากนั้นไม่เกิน 5 นาที เสียงโทรศัพท์เราก็ดังขึ้น พี่ชายเพื่อนเรารีบโทรมาด้วยความตกใจ!
…เค้าถามเราว่า เหตการมันเป็นยังไง ด้วยความที่เราก็ยังไม่กล้าตัดสิน หรือปรกปรำ ผู้หญิงคนนี้โดยไม่มีหลักฐาน จึงไม่กล้าพูดกับพี่เค้าว่ามั่นใจว่าใช่นาง 100% (ทั้งๆที่ในใจเรามั่นใจมาก) จึงบอกให้พี่เค้าไปขอดูกล้องวงจรปิด เพราะคนใน ที่พักอพาร์ตเม้น จะสามารถขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดได้ นาง T ก็ยืนยันว่า บริสุทธิใจ ไม่ใช่นางแน่ จึงตกลงให้นัดมาดูเทปจากกล้องวงจรวันรุ่งขึ้น ”
คืนนั้นเรานอนไม่หลับ ใจนึงก็คิดว่าใช่คนเดียวกัน 100% แน่นอน แต่อีกใจถ้าได้ดูกล้องแล้วอาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะทำไมนางกล้ายืนยันให้มาดูกล้องวงจร พร้อมกันขนาดนั้น ..จนเวลาใกล้สว่าง เราจึงไลน์ไปบอกพี่ชายเพื่อนว่าให้เข้าไปเช้าๆหน่อย นางT จะได้ไม่มีเวลาไปเตี๊ยมกับทางพนักงานที่ฟร้อนท์ของอพาร์ตเม้น แต่พี่ชายเพื่อนก็ตอบกลับมาว่า “มันคงไหวตัวทันตั้งแต่ตอนกลางคืนนี้แล้วแหละ” กรรม!!
ในใจเราคิดคำตอบของเรื่องนี้ได้เลยว่า ถ้ามีเหตุอะไร ที่ทำให้ไม่สามารถดูภาพจากกล้องวงจรปิดได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แสดงว่าใช่นางT คนเดียวกันกับแฟนพี่ชายเพื่อน 100% ..
ประมาณ 7 โมง เช้า พี่ชายเพื่อนรีบโทรมาว่าถึงที่อพาร์ทเม้นท์แล้ว ทางพนักงานหน้าฟร้อนท์แจ้งว่า ดูไม่ได้ เพราะเก็บเทปไว้แค่ 3 วันเท่านั้น ในใจเรา และพี่ชายเพื่อน คิดเหมือนกันคือ”มันโกหก”!!!
เพราะตามหลักความปลอดภัยแล้ว อพาร์ทเม้นท์ ที่ไหนๆก็เก็บไว้อย่างน้อย 7 วันทั้งนั้น ….แต่เราหมดหนทางที่จะมีหลักฐาน เพื่อไขปริศนา ว่าใช่คนเดียวกันตามที่เราเห็นจริงๆ
**ขอแก้ไขเพิ่มเติมเนื่อหาค่ะ —–>
ขณะที่เช้าวันนั้น เราได้เข้าไปดูFacebookของ นาง T ..นางก็ได้แสดงความโง่!! โดยการโพสเตตัส ลงFacebook อีกครั้งขณะที่ตัวนางอยู่กับพี่ชายเพื่อนรักเรา ว่า…..
“ใจ…มันรักเธอคนเดียว แม้ร่างกายของฉันเอง ตอนนี้จะอยู่กับเขา” ..พร้อมกับแชร์เพลง “ปฏิเสธไม่ได้ว่ารักเธอ “ของ KAL
เราจึงได้แค๊ปเจอหน้าจอFacebookที่นางโพส และส่งไลน์ ให้พี่ชายเพื่อนดูว่าที่นางT โพสนี้ มันสื่อถึงความรักของพี่กับมันไหม? พี่ชายเพื่อนเรารีบตอบกลับมาว่า …………”ไม่ใช่พี่แน่นอน”
….ขณะที่ใจคิดว่าคงใช่ แต่ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะให้นางยอมรับ เพราะนางT ก็ยืนยันอย่างเดียว ว่าไม่ใช่นาง พร้อมกับใช้มารยาแกล้งโกรธโมโหพี่ชายเพื่อนเรา ว่าอยู่ดีๆมาปรักปรำนางทำไม….เราก็ เห้อ!! ทีนี้ก็แล้วแต่พี่เค้าจะคิดเองแล้ว ว่าจะเชื่อนาง หรือยังไง เพราเราก็ไม่รู้จะไปเอาหลักฐานอะไรมาให้ดูแล้วแหละ…แล้วแต่กรรมของคนแล้วแหระค่ะทีนี้ …
….แต่ .. อยู่ดีๆก็เหมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรืออะไรสักอย่าง มาดลใจ ในขณะที่เรากำลังอาบน้ำอยู่ในตอนเช้าวันนั้น ด้วยร่างกายที่อ่อนล้า สติไม่อยู่กับตัว ใจลอย ในหัวเรามีแต่ภาพเหตุการที่เกิดขึ้นวันนั้นอยู่ตลอดเวลา อยู่ดีๆ ก็มีภาพผู้หญิงผมสั้นใส่เหล็กดัดฟัน เข้ามาในสมองเราพร้อมกับเสียงคำพูดของลูกชายที่เล่าเหตุการที่โรงหนังวันนั้นแว๊บเข้ามาในหัวเราอย่างไม่น่าเชื่อ!!นาทีนั้นรู้สึกเหมือนเจอจิ๊กซอตัวสำคัญ ที่จะเป็นหลักฐาน มัดตัวว่าใช่นางT คนนี้ (ขอโทษที่ช้ากำลังลำดับเหตุการค่ะ)
เหมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรืออะไรมาดลใจให้มีภาพนี้มาโผล่ขึ้นสมองเรา ในนาทีที่เรารู้สึกว่าเป็นทางตัน เราคิดขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิที่ช่วยให้เราคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เราจึงตัดสินใจไปหาลูกที่โรงเรียนตอนช่วงพักเที่ยงของวันนั้นทันที
ตอนนั้นเราได้ไลน์บอกพี่ชายเพื่อนรักเราว่าเราเจอจิ๊กซอตัวสำคัญ ที่ดีกว่าภาพจากกล้องวงจรปิดเสียอีก แต่ขอให้เรามั่นใจก่อนแล้วเราจึงจะบอก
เราเดินทางไปที่โรงเรียนลูก รอลูกจนพักเที่ยง เอาขนมและเอาไอแพดไปให้ลูก และพูดคุยกับลูกด้วยความคิดถึงในใจมันหดหู่มากที่เห็นลูกและต้องทำใจโกหกตีหน้าตาแย้มให้ลูกเห็นว่าทุกอย่างปกติ เราบอกลูกว่าแม่ได้ย้ายไปทำงานต่างจังหวัด ไม่ได้อยู่บ้านเราเหมือนเดิมแล้ว ต่อไปนี้ถ้ามีวันหยุดแม่จะกลับมาหาลูกถ้าตรงกับที่หนูมาโรงแเรียน แม่จะมาหาที่โรงเรียนนะ วันนี้งานหยุด แม่เลยมีเวลากลับมาหาลูกพอดี …แต่ ณ วันนั้น บอกเลยว่าเรายังไม่พร้อมและไม่อยากให้ลูกรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น เราอยู่กลับลูกจนเกือบหมดเวลาพักเที่ยง พอใกล้กลับ เราจึงได้แกล้งพูดถึงเรื่องที่โรงหนัง เราหลอกถามลูก โดยบอกว่า “มะกี้นี้แม่เจออาผู้หญิงคนนึง เค้าถามถึงหนูด้วยลูก แม่จำชื่อเค้าไม่ได้ คนในรูปนี้ลูก “พร้อมกับเปิดรูปในมือถือให้ลูกเราดู ถามว่าใช่เพื่อนของแฟนอาAลูกน้องพ่อ คนที่ไปดูหนังกับหนูวันนั้นไหมคะ?
คำตอบที่ได้คือ ……… ลูกเราบอกว่าใช่ตั้งแต่รูปแรก ใช่อาคนนี้แหละที่ไปดูหนังกับหนู ที่นั่งใกล้พ่อ ที่ไปทะเล อาเค้าก็ไป หนูเจอเค้าบ่อย …..นาทีนั้น หัวใจเราสั่น หน้าซีด แต่เราก็เก็บอาการ ต้องปั้นหน้ายิ้ม…แล้วพูดกับลูกว่าหรอลูก อ๋อคนนี้นี่เอง แม่ก็จำไม่ได้ มะกี้เจอเค้า เค้าถามถึงหนูด้วย … เราอยู่กับลูกจนหมดเวลาพักเที่ยงเราก็ล่ำลาลูกบอกว่า วันหยุดแม่จะกลับมาหาหนูอีกนะ วันนี้แม่กลับก่อน พร้อมกับฝากฝังครูประจำชั้นไว้ว่าเราไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันกับลูก ย้ายไปทำงานอยู่ต่างจังหวัดแล้ว นานๆจะได้กลับมาที ต้องรบกวนฝากคุณครูดูน้องด้วยนะคะ
…….วันนั้น เราขับรถออกมาจากโรงเรียนลูก ใจเราสั่น มือสั่น ใจหายมาก แต่ใจนึงก็รู้สึกโล่งที่รู้ความจริงว่าใช่คนเดียวกันจริงๆ เหมือนไขปริศนาที่คาใจอยู่ได้ เรากดโทรศัพไปหาพี่ชายเพื่อน พร้อมกับเล่าทุกอย่างให้เค้าฟัง ณ ตอนนั้น พี่ชายของเพื่อนเรา คงมีอาการไม่ต่างจากเราในตอนนี้ เค้าคงเสียใจมาก และคงไม่อยากเชื่อว่าเรื่องทุกอย่างมันเกิดแล้วขึ้นจริงๆ เค้าบอกว่า พี่ไม่เข้าใจว่า นาง T ทำแบบนี้ทำไม เพราะพี่เค้าได้ส่งเสียเลี้ยงดูและให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับนาง T คนนี้มาตลอด 3 ปี ที่เค้าคบกับนางมา ไม่คิดว่านางT จะทำกับเค้าได้ลงคอขนาดนี้
ณ ตอนนั้น เราขอร้องพี่เค้าไว้ ว่าอย่าทำอะไรP เลย เพราะอย่างน้อย P ก็เป็นพ่อของลูกเรา เราไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กกำพร้า เราเลิกกับP แน่ๆ และเราตัดสินใจแล้วว่าเราให้ลูกอยู่ในความดูแลของ P……เพราะด้วยความพร้อมหลายๆอย่าง ทั้งฐานะ และเวลาดูแล Pมีพร้อมกว่าเราทุกอย่าง เราคิดแล้วว่าถ้าลูกอยู่กับ P ลูกจะสบายกว่า ตัวพี่เค้าก็รับปาก และสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร P แน่นอน ….และพี่เค้าก็พูดกับเราว่า ผู้ชายมันคงไม่เอา นางT จริงๆหรอก นางT มันไม่มีไรดี ไอP มันคงเอาเล่นๆ ลองคิดดูดีๆนะ สงสารลูก เราก็มีลูกกับมันแล้ว ทำไรคิดดีๆ ผู้ชายคงเจ้าชู้ เอาเล่นๆเฉยๆแหระ ….แต่เราก็ยืนยันกลับไป ว่าเราเลิก เราตัดสินใจแล้วว่าเลิกแน่นอนค่ะ!!
…….วันนั้น นางT คงตกใจเมื่อรู้ว่าทุกคนรู้ความจริงหมดแล้ว โดยเฉพาะแฟนตัวจริงของนาง ด้วยความกลัว(ไม่รู้กลัวตาย ก็กลัวTeen) นางT จึงปิดเครื่องและหายตัวไปหลายวัน …
วันนั้นเราโทรหาเพื่อนรักเรา หลายครั้งว่าพี่ชายแกอาการเป็นไงบ้าง เราให้เพื่อนรักเราช่วยพูดเตือนสติ ในใจก็กลัวในความโมโหและอารมณ์ชั่ววูบของผู้ชาย กลัวว่าเค้าจะทำอะไรลงไปด้วยอารมณ์โมโหโดยไม่ทันใช้สติ (เป็นใครก็คงต้องโมโหมากเป็นธรรมดา ก็ไอP มันเล่นไปหยามเค้าถึงที่ ไปฟีสเจอริ่งนางT แฟนเค้า ถึงห้องเช่าที่เค้าเช่าไว้ให้มันอยู่ มันหยามกันมาก!!!โมโหแทน แต่ต้อง ดึงสติค่ะ ดึงสติ อย่าให้มือเราเปื้อนเลือดคนเลว) ประกอบกับไม่อยากให้คนดีๆอย่างพี่เค้าต้องเสียมือ (เรารักเพื่อนเราคนนี้มาก) ไม่อยากให้พ่อแม่และครอบครัวเค้าต้องเสียชื่อและเสียใจ เพราะไปทำร้ายคนเลวๆ อย่างมันทั้งคู่!!!
ช่วงนั้นเราได้โทรและไลน์ไปหาพี่เค้าเพื่อช่วยเตือนสติอยู่บ่อยๆ ในช่วงแรกๆ จนเราแน่ใจว่าพี่เค้าหายจากอารมณ์ความโกรธ ความแค้นที่ควบคุมไม่ได้อย่างสนิทแล้ว และตกลงกันว่า จะไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อกับพี่ชายเพื่อนอีก เพราะไม่อยากพูดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว!!!
ช่วงระหว่างที่หายไปนั้น เราบล็อคเบอร์ทุกคนที่รู้จักกับ P เราพูดกำชับกับทุกคนที่รู้จักเราแม้กระทั่งแม่และพี่สาวเราเองว่า ถ้าใครพูดเกลี้ยกล่อมให้เรากลับไปคืนดีกับ P เราจะไม่คุยด้วยและจะบล็อคเหมือนกัน ช่วงนั้นเราจะโทรไปหาลูกเกือบทุกวันที่เบอร์พ่อของP เพื่อคุยกับลูก ตอนโทรไป Pไม่กล้ามายุ่งเพราะกลัวเราจะไม่ติดต่อไปลูกไปอีก ช่วงระหว่างนั้น เราพยายามทำใจไม่พูดถึงเรื่องลูก ไม่ดูรูปเด็ก ไม่เล่นกับเด็ก เพรามันจะสกิดใจเราให้คิดถึงลูก เรากลัวเก็บอารมณ์กลันน้ำตาไม่อยู่
หลังจากประมาณ 2 สัปดาห์ เราได้เจอกับพี่คนนึง ที่นับถือและรู้จักกันในกลุ่มเพื่อนของ P ด้วยความบังเอิญ เค้ารักและเห็นใจเรากับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี เค้าเห็นว่าเราได้หลุดออกมาจากผู้ชายคนนี้ได้แล้ว เค้ายังพูดว่า เราเป็นคนดี คนใจเย็น ไปอยู่จมปลักกับผู้ชายแบบนั้นมาได้ตั้งนานถือว่าเป็นกรรมเก่าของเรานะ ดีแล้วที่ตอนนี้เราหลุดออกมาได้ เรากับP มันเหมือนคนละขั้ว มันอยู่กันไม่ได้นานหลอก นี่ที่เราได้รับรู้ในครั้งนี้ เพราะเป็นบุญของเรา เราก็คิดว่าเออ คงจริงที่เราหลุดเพราะเราหมั่นสวดมนต์ และกินเจทุกวันพระ ไปปฏิบัติธรรมอยู่เสมอ (เราไปสวดมนต์ทำวัตรเย็นที่วัด สัปดาห์ละครั้งเสมอ)
วันนั้นอยู่ดีๆพี่คนนี้เค้าก็ได้เผลอพูดออกมาเกี่ยวกับเรื่องนึง ที่เค้าคิดว่าเรารู้ แต่ตัวเราเองยังไม่รู้และคิดไม่ถึงมาก่อน!!!
……เค้าพูดชื่อผู้หญิงคนนึงกับลูก และบอกพูดประมาณว่า P มันก็คงไม่สนใจ…. (ชื่อลูก ชื่อเมียอีกบ้านของไอP) สักเท่าไร นี่ก็ไปมีอีกเเล้ว คงไปติดใจอยู่เดี๋ยวก็คงเบื่ออีก ผู้หญิงแต่ละคนไม่มีใครดีสู้เราได้เลย มันคงกินเล่นๆ
เราก็งงอยู่สักพัก และได้คิดประติดประต่อเรื่องราว ไม่ถึง 10 นาที เราเชื่อทันทีว่า มันเป็นเรื่องจริง 100% ที่อยู่ดีๆ เรากลายเป็นเมียหลวงโดยไม่รู้ตัว นี่อยู่ดีๆลูกเรา มีน้องคนละแม่เกิดขึ้นมาโดยที่เราคิดไม่ถึงมาก่อน โอว มาก๊อด !!!!
แล้วลูกมันอายุ 2 ขวบล่ะค่ะ!!!
“ต่อไปนี้จะมีตัวละครสำคัญเพิ่มมาอีกตัวนึง ซึ่งเราขอเรียกแทน ผู้หญิงคนที่มีลูกกับ P คนนี้ ว่านาง B ”
….นาง B คนนี้นางเป็นเพื่อนในกลุ่มของแฟนลูกน้อง และนางทำทีท่าว่าสนิทกับกลุ่มเพื่อนของ P ทุกคน ทุกกลุ่ม (ขนาดที่ว่าสนิทมากกว่าเราที่เป็นเมียของP เสียอีก) ทีแรกเราคิดว่านาง B คนนี้นางแค่เป็นผู้หญิงที่ 11รด ..จะคงหวังจะหา ผ อัว ..ใหม่มาเป็นพ่อของลูกที่เกิดโดยไม่มีพ่อ เพราะก่อนหน้านี้เราก็สงสัยอยู่มาตลอดว่า นาง B มันมีลูกแล้วทำไมมันถึงไม่เคยเปิดตัวว่าพ่อของลูกนางคือใครมาก่อน ใจเราเลยคิดว่ามันคงท้องไม่มีพ่อ และที่อัธยาศัยดีตีตัวสนิทกับบรรดาเพื่อนๆของP ทุกคน คือนางคงหวังจะ”งาบ”บรรดาเพื่อนๆของ P คงอยากจะหา พ่อใหม่ให้ลูกมันเร็วๆมั้ง เราก็คิดแบบนี้ตลอด (- – ” )
…..หลังจากรู้ว่า นาง B มีลูกกับ Pเราเชื่อทันทีว่า มันเป็นเรื่องจริง 100% เพราะมันเคยมีเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ประมาณ 1 ปีที่แล้ว (ตอนนั้นหลงคิดว่าสามีเป็นคนดีอยู่ค่ะ) เราเคยใช้แอพ Find my iphone มาก่อนแล้วในช่วงแรกๆ ก่อนที่ P จะรู้ตัวและปิดตลอด เหตุการณ์วันนั้นP ออกไปกินเหล้าเที่ยวกลางคืนตามปกติ คืนนั้นเราตืนมากลางดึก นอนไม่หลับและมีเซ้นส์แรงมาก ว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เราจึงได้เปิดดู แอพ Find my iphone และมาเจอ P อยู่ที่บ้านลูกน้องคนนี้ ซึ่งไม่ไกลจากบ้านของ P ที่เราอยู่มากนัก เราได้ตัดสินใจขับรถออกไปดู เราลงไปเคาะประตูบ้าน
ก๊อก ก๊อก.!!!..และก็มีผู้หญิงคนนึงออกมาเปิดประตู ผู้หญิงคนนั้นคือนาง B คนนี้ เราเดินเข้าไปดูที่ห้องนอน ตอนนั้นในห้องนอน มี P สามีเรานอนเมาหลับอยู่ และมีเด็กผู้ชายเล็กๆ อายุไม่น่าเกิน 5-6 เดือนนอนหลับอยู่ และใกล้ๆกับที่นอน ที่เด็กคนนั้นนอนอยู่ กันมีโทรศัพท์ไอโฟนวางอยู่ ซึ่งเรารู้ทันทีว่าเป็นของผู้หญิงชื่อนาง B แน่นอน เพราะตอนนั้นในบ้านหลังนั้นไม่มีใครอยู่เลยสักคน …มีแต่ P เมานอนหลับอยู่ มีนาง B ที่มาเปิดประตูให้ และตอนที่เรามา นางก็เดินไปแอบอีกห้องนึง และมีลูกของนางB นอนอยู่ข้างๆ P ตอนที่เราเจอ ในใจเราก็ตกใจที่เจอ P อยู่บ้านนั้นลำพัง กับ นาง B และลูกมัน และรู้ว่านอนห้องเดียวกันด้วย แต่ในใจเราเราก็ยังมีความเชื่อใจP เพราะ P ไม่เคยมีเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงและนอกใจเข้าหูเรามาก่อนหน้านี้เลย ใจเราคิดว่าไอ P มันคงไม่เลวใฝ่ต่ำขนาดเอาผู้หญิงที่มีลูกอ่อนติดมาขนาดนี้หรอก!!!หึหึ ขึ้นอีกแล้ว!!
(ตอนนั้นเราไม่ได้คิดอยู่ในหัวเลยว่าเด็กที่นอนอยู่ข้างๆ P เป็นลูกของ P กับนางB เลยสักนิด คิดว่าเป็นลูกติดของนางB แค่นั้น) วันนั้นเราทะเลาะกันและเราก็พูดว่าทำไมถึงนอนอยู่กับนาง B สองต่อสอง มันมีลูกแล้วยังจะยุ่งกับมันอีกหรอ?
วันนั้นอาการ P แบบแคร์เรามาก และพูดแก้ตัวกับเราบอกว่า P เมามาก ไปเที่ยวผับกับพวกลูกน้องมา และตั้งใจจะมากินต่อที่บ้านหลังนั้น มากันแล้วตั้งหลายคนแต่ P เมามากเลยหลับไปก่อนตรงโซฟา และยุงมันกัดก็เลยย้ายเข้าไปนอนในห้องที่นาง B กับลูกมันนอนอยู่ นอนกันหลายคน แต่ตื่นมาอีกทีพวกลูกน้องมันกลับกันไปหมด ไอเจ้าของบ้านก็คงออกไปหาแฟนมันมั้ง P เมามากกลับไม่ไหว และไม่ได้สนใจว่าใครอยู่บ้าง
สงสัยกรรมเรามันยังหนักอยู่ ตอนนั้นก็เราเชื่อในสิ่งที่ P พูด( แต่ก็ไม่ 100% ) ยังคงเก็บความสงสัยเรื่องนี้ไว้ในใจตลอดมา
หลังจากวันนั้นเราได้มีการแอบใช้ไลน์ของ P ไลน์ไปถามลูกน้องว่า ผู้หญิงคนนี้ใครวะสวยดี ลูกน้องก็ตอบกลับมาทันทีว่าเป็นเด็กของลูกน้องคนสนิทของP คนนึง เราจึงเข้าไปดูในFacebook ของไอลูกน้องคนนี้ โอโหคือมันสร้างภาพปูทางกันมาอย่างเนียนมากค่ะ สาระเ….ว จริงๆ ไอลูกน้องคนนี้ มันถ่ายรูปคู่กันหวานแหววกับนางB มีอุ้มลูกของนางB และแสดงออกว่ารักลูกของนางB อย่างออกนอกหน้า เราก็เลยเชื่อสนิทใจว่า ไอลูกน้องของP คนนี้มันคงรักนาง B และลูกจริงๆ หลังจากวันนั้นก็เลยไม่สงสัยกับเรื่องนี้อีกเลย (เนียนมากค่ะคุณสาระเ..ว นี่ไปเป็นผู้กำกับละครได้เลยนะคะ หึหึ คิดแล้วขึ้น)
หลังจากที่รู้ความร้ายกาจของ P เราก็ยิ่งดีใจ โอโห สวรรค์เข้าข้างเรา ครั้งนี้แหละ มันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว ที่เราจะหลุดออกมาได้อย่างไม่มีข้อแม้ ทั้งแม่เรา และคนรอบตัว จากที่เคยเชียร์ให้เรากลับไปคืนดีกับ P เพราะสงสารลูก เมื่อได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้แล้ว ทีนี้ก็ไม่มีใครกล้าพูดให้เรากลับไปคืนดีกับ P อีกเลย….
เราได้ตั้งจิตอโหสิกรรมให้แก่ P , นาง T, และนางB ไม่คิดแค้นพยาบาทไม่คิดเอาเรื่อง และเราไม่คิดจะกลับไปคืนดีกับ P ในฐานะสามีภรรยาอีกแน่นอนตลอดชีวิต แต่เราติดต่อกับ P เฉพาะเรื่องลูกเท่านั้น
หลังจากวันนั้นเราลองไล่ดูเหตการณ์ มันทำให้เราเชื่อว่า การที่เราหมั่นสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม และแผ่เมตตา มันช่วยให้เราหูตาสว่าง และทำให้เหตุการณ์ทุกอย่าง มันจบลงด้วยตัวของมันเอง โดยที่เราไม่ต้องลงไปทำอะไรใครเลย เราไม่คิดตามผู้หญิงทุกคนของ P เลย (เราภาวนาขอให้ P ได้เจอคนที่ใช่และสามารถ เอาP ไปให้อยู่หมัด อย่าให้ไอ P มันมาตามรังควาน เราอีกเลย เรากลัว และขยะแขยง 555 )
ตอนนี้ “กรรม” เป็นผู้จัดการทุกอย่าง, Pส่งไลน์ผ่านพี่ที่รู้จักฝากส่งต่อมาให้เราอ่านว่า”เค้ายอมทุกอย่างแล้ว ขอแค่ให้เรากลับไป Pจะไม่กินเหล้า จะไม่สูบบุหรี่ จะไม่เกเร จะไม่นักเลง จะรักและดูแลเรากับลูกไปตลอด ขอให้เป็นชาติหน้าที่เราต้องเลิกกัน ชาตินี้เค้าขอเอาเรากลับไปใช้กรรมกับเค้าก่อนได้ไหม Pทรมานเหลือเกิน Pไม่ได้รักใครเลยนอกจากเรา แล้วPจะทนอยู่ได้ยังไงโดยที่ไม่มีเรา Pสำนึกผิดทุกอย่างแล้ว ขอแค่เรากลับไป เราจะให้เค้าทำอะไร เค้าจะทำหมด” หึหึ!! นี่คงดูหนังดราม่ามากไป (เราคิดในใจ 55 ) เราไม่ใจอ่อนค่ะ
ไม่จบแค่นั้น P ตามไปหาแม่เราที่บ้าน ไปกราบขอขมาและสารภาพทุกอย่างให้แม่เราฟัง และขอร้องให้แม่เราช่วยพูดให้เราใจอ่อน , Pบอกว่าจะเลิกยุ่งกับผู้หญิงทุกคน, Pบอกกับแม่เราว่าได้เอาดวงเรา ชื่อ-นามสุกล วันเดือนปีเกิด และเสื้อผ้าเราไปทำพิธีผูกดวงกับร่างทรงเพื่อทำให้เราใจอ่อนกลับไปคืนดีด้วย แต่เราเชื่อว่าไม่มีอะไรทำให้เราใจอ่อนได้ เราเชื่อว่าเราเป็นคนดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยเราให้พ้นจากสิ่งไม่ดี , P บอกกับแม่เราว่า ร่างทรงบอกมาว่าเราเป็นผู้หญิงที่ดี ถ้าปล่อยให้เราหลุดจากP ไปได้ครั้งนี้ เรากำลังจะได้เจอคนที่ดี (เราคิด สาธุ^^) ว่าแล้วไง ถึงว่า Pมันรีบมาอ้อนวอนขอให้แม่เราช่วยเลย หึ หึ!!!
….ซึ่งวันก่อนที่ P จะมาเล่าให้แม่เราฟัง เราก็ได้บังเอิญมีพี่ที่ทำงานชวนไปดูดวงกับหมอดูที่เป็นร่างทรงเช่นกัน (เรื่องต่อไปนี้อาจดูงมงาย แต่เราเชื่อ และคิดอยู่เสมอว่าเราจะเชื่ออย่างมีสติ)
หมอดูร่างทรงคนนี้เค้าทักออกมาเองโดยที่เราไม่ได้ถาม เค้าพูดมาว่า “ไอP มันไม่ยอมเลิกหรอก เพราะเราเคยไปให้คำมั่นสัญญากับมันไว้ใช่ไหม? ว่าจะรักและดูแลมันไปตลอดชีวิต” (เราตกใจขนลุกมาก คือเราเคยพูดประโยคนี้กับP จริงๆเมื่อตอนรักกันใหม่ๆเป็นวันรุ่นคบกันใหม่ๆอายุ 14 ค่ะ) เราน้ำตาคลอเบ้า บอกกับร่างทรงว่า หนูไม่เอาแล้วจริงๆค่ะ ผู้ชายคนนี้!! ถ้าหนูกลับไป อนาคตหนูจะเป็นยังไงคะ? ร่างทรงก็บอกว่า หนูกลับไปหนูก็ทุกข์เหมือนเดิมลูก มีแต่ความทุกข์ไปตลอดชีวิตนั่นแหละ ไอP มันก็จะมีอีกเรื่อยๆนั่นแหละ แต่…มันเอาหนูเป็นที่ 1 นะลูก ไม่มีใครแทนที่หนูได้ ถามว่า “หนูจะเอาไหมลูก” เราตอบกลับไปทันทีว่า “ไม่เอาแล้วค่ะ” หนูไม่อยากทุกข์ กลับไปหนูก็ไม่มีความสุข (เรื่องนี้อิงตามหลักความจริงมันก็จริงเพราะสันดารคน มันเปลี่ยนกันได้ไม่นานหรอก เราเชื่อ!!) เราถามร่างทรงว่า ควรแก้ยังไงคะ ร่างทรงก็ให้เราไปทำพิธี ถอนคำสัญญา สาบาน โดยการไปถวายสังฆทานที่วัด และกรวดน้ำตั้งจิตอธิษฐานว่า “ที่ลูกเคยสัญญาสาบานว่าจะรักและดูแลผู้ชายชื่อนี้ นามสกุลนี้ตลอดไป วันนี้ลูกขอถอนคำสัญญาสาบาน และขอให้ลูกขาดจากผู้ชายคนนี้อย่างถาวรได้ในครั้งนี้ ชาตินี้ เวลานี้ด้วยเถิด”ร่างทรงบอกกับเราว่า P เค้าคือ คู่เวรคู่กรรม เราต้องแผ่เมตตาให้เค้าบ่อยๆนะ
อาจารย์มีอะไรจะบอกหนูว่า “หนูกำลังจะเจอคนที่ดีเข้ามาในชีวิตนะลูก คนที่กำลังจะเข้ามานี้ เป็นคนดี และหนูต้องจริงใจกับเค้า รักเค้าด้วยใจจริงนะลูก เราก็ยิ้มและรับฟัง แต่ทั้งนี้ สิ่งที่หมอดูร่างทรงพูดมา เราก็จะใช้สติเราในการพิจารณาคนเช่นกัน
เราไม่ได้เชื่ออย่างงมงาย หากเราเจอคนไม่ดี เราก็ขอเลือกที่จะอยู่เป็นโสดไปจนแก่ ดีกว่า “การเลือกคู่ผิด ทุกข์ไปตลอดชีวิต”
…..หลังจากกลับจากดูดวง วันรุ่งขึ้นเรารีบไปถวายสังฆทานและทำพิธี “ถอนคำสัญญาสาบาน” แบบที่หมอดูบอกทันที!!
เมื่อเวลาผ่านไป 2 เดือนกว่าเราจึงปลอดบล๊อคไลน์ P และบอกเค้าว่า ไว้คุยกันเรื่องลูกเท่านั้น ห้ามพิมพ์อะไรที่ไม่เกี่ยวกับลูกมา ไม่งั้นเราจะบล๊อคทันที P ก็เหมือนมีสติบ้าง ไม่มีบ้าง เราเตือนว่าจะบล๊อค เค้าก็รีบขอโทษและหยุดพิมพ์ทันที แต่ล่าสุดก็มีเผลอพิมพ์ไลน์มาว่า เค้าทรมานมาก เราจะให้เค้ากราบเช้ากราบเย็น เค้าขอให้เราลาออกจากงานไปอยู่บ้านเฉยๆ จะให้เงินเราเดือนละ 30,000 บาท ให้เราเป็นคนเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์” แหม ตอนอ่านนี่เกือบเคลิ้มตามเลยค่ะ ดีนะดึงสติกลับมาทัน 555…แต่เราไม่ใจอ่อนค่ะ!!
….เรายังคงทำหน้าที่แม่ เราโทรหาลูกทุกวันที่เบอร์ลูกเอง และคุยไลน์กับ P เรื่องการบ้านลูก เราสอนการบ้านลูกผ่านทางโทรศัพท์บ้าง ผ่านทางไลน์บ้าง และสั่ง P ว่าถ้าสงสัยตรงไหน หรือมีอะไรเกี่ยวกับลูกให้ถามมาทางไลน์ได้ตลอดเวลา
เรากลับไปหาลูกในวันหยุด (แต่ก็ไม่บ่อยนัก) โดยการให้พี่ที่รู้จักไปรับลูกออกมาให้ และเราหวังว่าสักวัน เมื่อ P หมดความคิดที่จะเอาเรากลับไปอยู่ในสถานะ สามีภรรยาแล้ว เราจะสามารถเป็นเพื่อนกับ P ได้ สามารถไปกินข้าวพร้อมกันกับลูกได้ ซึ่งเราเข้าใจว่ามันต้องใช้เวลาในการลบภาพความรู้สึกว่าเค้าเป็นเจ้าของเราออกไปจากหัว และให้P ทำใจยอมรับกับผลของ”กรรม”ที่เค้าเป็นคนทำมันเองกับมือ
เราเชื่อว่า เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเป็นธรรมดาของมนุษย์ ถ้าเรามองว่ามันเป็นธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นจาก”กรรม” วันนี้เราหมดเวรหมดกรรมกับผู้ชายคนนี้ได้ในเวลานี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีค่ะ
เราไม่รู้หรอกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ P จะรู้สึกสำนึกผิดแค่ไหน เพราะต่อให้สำนึกผิดมากแค่ไหนมันก็ย้อนเวลากลับคืนมาไม่ได้ “เราไม่ความรู้สึกรักP หลงเหลืออยู่ในใจแล้ว”
และตอนนี้ “กรรม”ก็ได้ลงโทษนาง T แฟนของพี่ชายเพื่อนรักเรา เพราะเราได้รับรู้มาว่า เค้าไม่เอานางแล้ว ค่าใช้จ่ายที่เคยได้รับการส่งเสียเดือนละหลายๆหมื่น นางก็ต้องอด บ้านที่กำลังผ่อนก็ไม่มีเงินส่งต่อ นางT ได้มาง้อพี่ชายเพื่อนเรา เค้าบอกว่า นางT ร้องไห้โหยหวนเหมือน ” ปอ รอ เอ ตอ” มาขอส่วนบุญ และยังคงไม่ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และสรรหาคำมาแก้ตัวต่อไป ทั้งหน้าด้านส่งข้อความมาขอเงิน เมื่อพี่เค้าไม่ให้ก็ส่งข้อความมาด่าพี่ชายเพื่อนเราว่าไม่รักษาสัญญา ด่าหยาบคายมาก เราได้แต่รับฟังและถอนหายใจ นี่แหละ มนุษย์แบบนี้ก็มีอยู่บนโลกด้วย เค้าไม่เอาเรื่องเราก็ดีแค่ไหนแล้ว ทั้งหญิงร้ายชายเลว ยังจะกล้าตามมาของเงินเค้าใช้อีก!!! เห้อ ได้ยินแล้ว อายแทนค่ะ ไม่รู้ว่าหน้านางT ฉาบด้วยอะไร ถ้ามีคนแชร์เรื่องนี้ไปถึงคุณ ก็ขอให้รู้ว่า “เราอโหสิกรรมให้นะคะ และสุดท้ายนี้ ขอกล่าวว่า” สมน้ำหน้าค่ะ” พี่เค้าหมดเวรหมดกรรมแล้วกับผู้หญิงเลวๆอย่างคุณ!!!
ส่วน P ก็คงไม่กล้ารับช่วงส่งเสียเลี้ยงดูนาง T ต่อจากพี่เค้าหรอก เพราะนางT คนนี้ใช้เงินเยอะเหลือเกิน คงเลี้ยงต่อไม่ไหว ประมาณว่า” ให้กินเล่นๆกูก็ชอบ แต่ถ้าจะให้เอาจริง กูรับผิดชอบไม่ไหว”
และ “กรรม”ก็คงได้ลงโทษนาง B ที่มีลูกกับ P …เพราะดูได้จากที่นางโพสสเตตัสลง Facebook ในแง่ลบเสมอๆ เช่น “รักแทบตาย สุดท้ายก็เป็นได้เแค่ …คนขั้นเวลา”……. แป่วววว !!!
เราคิดสงสารก็แต่เด็กตาดำๆที่เกิดมากับนาง เราส่งไลน์ไปบอกกับP ว่าให้เอาลูกที่เกิดกับนาง B มาเจอพ่อเค้าเหอะ ให้ทุกคนได้รับรู้ไปเลย สามารถออกสู่โลกโซเชี่ยลไปได้เลย ว่าพ่อตัวจริงของเด็กคนนี้คือ P ไม่ต้องคอยสร้างภาพอีกต่อไปแล้ว เพราะเราก็สงสารเด็ก ไม่อยากให้เด็กคนนี้มีปมด้อย มีพ่อแต่เปิดเผยให้ใครรู้ไม่ได้ ว่าใครเป็นพ่อ (ใจก็คิดว่าอย่างน้อยลูกเราโตมาก็ยังมีพี่น้อง และถ้าเค้าถูกเลี้ยงดูดีๆด้วยกันแล้วตั้งแต่เล็กๆ พอโตมาเค้าก็คงจะรักและช่วยเหลือกัน และอย่างน้อยลูกเราก็ยังมีพี่น้องไม่โดดเดี่ยวมากนัก)
ตอนนี้เราเพิ่งอายุ 28 เราถือว่าเราโชคดี ที่เหตุนี้มันเกิดขึ้นกับเราเร็ว, เราเชื่อว่า ถ้าเรา คิดดี และทำทุกอย่างด้วยเจตนาที่ดี ชีวิตเราก็จะดีแน่นอน!!
ถ้า “ชะตาฟ้าลิขิต” ให้เรามาเจอกับใครสักคนในช่วงเวลานี้ ก็ขอให้เราได้พบเจอกับคนที่ดี
ถ้า “ชะตาฟ้าลิขิต” ให้เราต้องอยู่คนเดียว เราก็โอเค เพราะเราเชื่อว่า “การมีคู่ที่ไม่ดี เราขอไม่มีดีกว่า… การอยู่คนเดียว เป็นลาภอันประเสริฐสุดแล้ว 555
…..มี วลี ที่ดีมาก วลีนึง ที่เราเพิ่งได้อ่านและชอบมาก จึงอยากแชร์ต่ออีกครั้ง เป็นการส่งท้ายนะคะ
” คนเราเจอกัน มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เมื่อมีวาสนาไม่ต้องเรียกร้องถึงเวลาก็มาเจอกัน
เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่ ”
ในตอนที่คุณยังไม่จากกันนี้ คุณได้ทำดีต่อคนรักของคุณหรือยัง
เพราะถึงเวลาต้องจากกัน ไม่ว่าคุณจะมีเงิน หรืออำนาจล้นฟ้า ก็เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้!
ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่า ………เราจะต้องจากกันเมื่อไหร่”
———————– ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านเรื่องราวจนจบนะคะ