สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่าน ขอบคุณที่ให้การติดตามบทความของป๊อกทั้งบทความนี้ และบทความก่อนๆนะคะ ตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ป๊อกได้พูดคุย รับฟัง ปัญหาชีวิตต่างๆมากมาย ทั้งเพศชาย เพศหญิง เพศที่สาม วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ ปัญหาของแต่ละคนมีความแตกต่างกันไปตามเนื้อเรื่อง หากแต่ใจความหลักของทุกชีวิตปัญหาไม่ต่างกัน คือ ปัญหาความรักมากถึง 95% อีก 5% เป็นปัญหาเพื่อนร่วมงาน และครอบครัว.. เรื่องราวของเคสต่างๆเหล่านั้น เข้ามาเพิ่มความเข้าใจในชีวิตกับป๊อกให้ทวีคูณยิ่งขึ้น..
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมปัญหาความรักถึงเป็นปัญหาหลักของหลายๆชีวิต พลังแห่งรักคือสายใยของชีวิตที่เชื่อมโยงให้เกิดความผูกพันธ์และสันติสุขแก่มวลมนุษยชาติ ถ้ามานั่งนึกย้อนทบทวนโลกดีๆ แรงขับเคลื่อนหลักของโลกนี้ ก็คือ ความรัก รักตัวเอง รักพ่อแม่ ครอบครัว พี่น้อง ลูก แฟน สามี ภรรยา เมื่อเกิดความรัก เราก็อยากทำให้คนที่เรารักภูมิใจและมีความสุข เราจึงดิ้นรน ขวนขวายมาเพื่อให้ตัวเอง และคนที่เรารักมีความสุข แต่ความรัก ฟังดูเผิ่นๆ ฟังดูเป็นสิ่งที่สวยงาม และสดใสทำให้โลกน่าอยู่
หากแต่ความรักบางครั้งก็ก่อเกิดพลังทั้งด้านบวกและลบ ทั้งสร้างสรรค์และทำลาย ทำให้มีความสุขและความทุกข์ได้ในตัวเดียวกันเปรียบเสมือนไฟที่ให้ทั้งคุณและโทษ อยู่ที่ว่าใครจะรู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์แค่ใหน เมื่อคนสมหวังในรักมักจะมีความสุขสดชื่นและดื่มด่ำในรสหวานแห่งความรัก จะเห็นโลกเป็นสีชมพู แต่เมื่อวันใดที่เขาผิดหวังในรักขึ้นมา โลกจะเปลี่ยนจากสีชมพูเป็นสีดำ น้ำตาแห่งความโศกเศร้าทรมาน และรสชาติอันขื่นขม อันเป็นพิษแห่งรักจะกัดกร่อนทำลายชีวิตเขาให้อับเฉา ห่อเหี่ยว เปลี่ยวเหงาอย่างน่าสงสาร
เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า เราจะได้รับพลังบวกจากความรักตลอดไปหรือไม่ แต่ความไม่ประมาทในชีวิตเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรจะมีเป็นพื้นฐานของภูมิคุ้มกันชีวิต เพราะเราต้องยอมรับว่า หลายๆอย่างสอนให้เราเข้าใจสัจธรรมว่า โลกนี้เราอยู่บนความไม่แน่นอนในทุกช่วงเวลา ในบทความนี้ ป๊อกเลยอยากแชร์ ภูมิคุ้มกันให้กับผู้อ่าน เผื่อจะเป็นประโยชน์เล็กๆแก่ผู้อ่านได้บ้าง..
Step 0 : เมื่อความรักส่งพลังลบให้กับเรา สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ “ดึงสติ และ ยอมรับความจริงให้ได้” โดยส่วนมากแต่ละเคสที่เข้ามา หลายคนจะสอบตกข้อนี้ ถ้าทุกครั้งที่เกิดความทุกข์ใจอะไรขึ้น “ดึงสติ และ ยอมรับความจริง” เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าเราทำได้ การแก้ปัญหาของเราจะตรงจุด และไม่บานปลาย หลายๆเคสสติจะหลุด ให้อารมณ์มาอยู่เหนือสติ โดยเริ่มจากความประชดประชัน ดึงคำพูดมาเป็นอาวุธที่ทิ่มแทง บุกไปทำร้ายร่างกาย เมื่อเรามีสติ เราจะทบทวนได้ว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมเรื่องนี้ถึงเกิด อะไรคือข้อบกพร่องของเรา และเขาได้ทิ้งเราไปแล้ว เขาหมดรักเราแล้ว เขาได้นอกใจเราแล้ว เขาเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ต้องเรียกร้องหาเหตุผลจากคนที่หมดรักนะคะ ความไม่ชัดเจนนั่นแหละคือความชัดเจน ตอนรักกันแรกๆ มีคำมั่นสัญญา คำรักหวานๆ คำหยอดมากมาย แต่ในตอนจบของความรัก 1 ใน 100 ที่จะกล้าพูดความจริงออกมา แต่เขาจะถ่ายทอดให้เรารู้ด้วยความรู้สึกทุกข์ใจ และหน่วง ถ้ามีสัญญาณเหล่านี้ส่งถึงใจเรา ตั้งรับด้วยสติ ที่มั่นคงนะคะ..
Step 1 : เข้าใจ “ความไม่แน่นอน” ของโลกใบนี้ คนที่เข้าใจกฏข้อนี้ได้ ได้เปรียบมากๆ คือการใช้ชีวิตที่ไม่สุดโต่งเกินไป ไม่คาดหวังจนเกินไป แต่เข้าใจและเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า สมหวัง-ผิดหวัง สุข-ทุกข์ ดีใจ-เสียใจ เป็นของคู่กัน ทุกๆชีวิตมีโอกาสได้เจอ หากแต่ถ้าใครบางคนเลือกมองแต่ความสมหวัง ความสุข ความดีใจ เมื่อไหร่ที่พบกับสิ่งที่ตรงข้ามอาการก็จะหนัก เพราะเรายังไม่ยอมรับกติกาของโลกใบนี้ เราฝืนกฏธรรมชาติ สิ่งที่เราจะต้องได้รับคือความเจ็บปวดที่ยาวนาน บางคนถึงขนาดให้ชีวิตเป็นเดิมพัน มีบางเคสที่ตลอดชีวิตเพิ่งมาเจอความผิดหวังครั้งแรกในวัย 43 และ 52 ก็มี ที่ผ่านมาทุกอย่างสรรสร้างให้พี่เขาเข้าใจว่า ยังไงๆเราก็สุข ยังไงๆ คนนี้ก็เหมือนไก่ในกำมือ ยังไงก็เป็นของตาย ฝากหัวใจทั้งหมดไว้ สุดท้ายความแน่ใจ ไว้ใจ และประมาท ก็กลับมาทำร้ายเขา หากเรามีกฏ “ความไม่แน่นอน” เตือนตัวเองอยู่เสมอ เปรียบเหมือนกับการมีฟูกที่รองรับเสมอ ในเวลาที่เราอาจจะเผลอตกจากที่สูง อาจจะจุกบ้าง แต่ไม่เจ็บมาก และไม่ถึงตาย
Step 2 : “เมตตาต่อตัวเอง” คำว่าเมตตาจะสูงกว่าคำว่า รัก ในความคิดของป๊อกนะคะ รัก มันยังเจือด้วยความเห็นแก่ตัว หากแต่ถ้าเราเมตตาต่อตัวเอง เราต้องไม่อยากเห็นตัวเอง ร้องให้ จมทุกข์ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ หน่วง ผอมโซ ไร้ความสดใส ล่องลอย ไร้สติ เมตตาต่อตัวเองเยอะๆ ในวันที่เราทุกข์ใจมากๆ ไม่มีใครแบ่งเบาความทุกข์นั้นกับเราได้เลย เราล้วนแบกความทุกข์นั้นตัวคนเดียว หากจะถึงตาย เราก็ตายคนเดียว เขาก็คงร้องให้เสียใจ ร่วมงานศพไม่กี่วัน เดี่ยวเขาก็ไปมีความสุขใหม่ พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเรา เขายังไม่เคยทำร้ายเราขนาดนี้ แล้วเราให้ใครมามีอิทธิพลกับเราได้ถึงขนาดนี้ เมื่อเราฝึกความเมตตาต่อตัวเอง เราคงไม่อยากเห็นตัวเอง จมอยู่ในกองทุกข์นานๆใช่ไหมคะ เราต้องอยากเห็นตัวเอง ยิ้ม สดใส และพบเจอสิ่งดีๆ สร้างคุณค่าให้กับสังคม และโลกใบนี้อีกมากมาย ดีกว่าเอาชีวิตมาทิ้งกับแค่ใครคนเดียว…
ป๊อกมั่นใจว่าถ้าเราฝึกภูมิคุ้มกัน 3 ข้อข้างต้นได้อย่างดีเยี่ยม ป๊อกมั่นใจว่า คุณผู้อ่านจะผ่านเรื่องราวแย่ๆไปได้อย่างดีงามแน่นอน และให้เชื่อมั่นได้เลยนะคะว่า โลกใบนี้ยุติธรรมเสมอกับคนดี ถ้าเราทำดีมาตลอด ไม่ต้องโทษตัวเองนะคะ ที่เจอเรื่องแย่ๆ ป๊อกกล้ายืนยันว่า เหตุการณ์นั้นกำลังส่งคุณไปอยู่ในจุดที่ดีกว่าที่คุณกำลังอยู่แน่นอน หากแต่ถ้าเราทำตัวไม่ดี เหตุการณ์นั้นก็กำลังส่งเราไปหา คู่ปรับที่เสมอกับเราเช่นกัน หากเราสำนึกและรู้ทัน ยังไม่สายที่จะเปลี่ยนตัวเองนะคะ
หากเราอยากได้พบคนดีๆ อยากให้คนอื่นๆทำดีกับเรา ฝึกตัวเองให้ทำดีกับคนอื่นก่อนเสมอ คนยิ้มให้ ย่อมได้รับการยิ้มตอบ คนด่าไป ย่อมได้รับการด่ากลับ กฏนี้ยังใช้ได้เสมอทุกช่วงกาลเวลา เพราะฉะนั้น อยากได้คนเช่นไร เราต้องทำตัวเช่นนั้นนะคะ เพื่อดึงดูดแม่เหล็กชนิดเดียวกัน เป็นกำลังใจให้กับนักเดินทางทุกๆชีวิตค่ะ
ขอขอบคุณที่อ่านมาถึงตอนท้ายนี้นะคะ ขออักษรที่ร้อยเรียงข้างต้น หวังจะเป็นประโยชน์และสร้างคุณค่าให้กับผู้อ่าน สิ่งดีๆที่เกิดขึ้นนั้น ขอผู้อ่านมีส่วนในธรรมทานนี้ และเป็นกัลยาณมิตรที่มีความเมตตาที่ดีต่อกัน และขอความเจริญงอกงามและความดีคุ้มครองผู้อ่านทุกท่านและครอบครัวค่ะ
ป๊อก
18/02/2019