ฮาโหลววว… สวัสดีค่ะ..เงียบหายจากการเขียนบทความไปนานเลย ขอบคุณที่ยังคลิกเข้ามาติดตามอ่านบทความของป๊อกนะคะ ^ ^
ในการรับปรึกษาปัญหาชีวิตจะได้คุยกับทุกเพศทุกวัย เจอปัญหาทุกรูปแบบ ในบางเคสที่ต้องใช้พลังและเวลากับเขามากหน่อย คือ กลุ่มคนที่ มองไม่เห็นความผิดของตัวเอง ยกเหตุผลมา support ตัวเองต่างๆนาๆ เพื่อกลบเกลื่อน และให้เข้าข้าง เห็นอกเห็นใจตน กลุ่มคนเหล่านี้เขาจะหลีกเลี่ยงการยอมรับความจริง พูดอีกอย่าง แต่การกระทำเขาเป็นอีกอย่าง เปรียบเหมือน ตัวเองปวดท้อง แต่บอกหมอว่า หนูปวดหัว การรักษาเลยต้องใช้เวลานาน ในการฟังเขาให้มาก และปลุกเขาให้ตื่นและยอมรับความจริง เพราะถ้าเราไม่ยอมรับว่าปวดหัว เราจะหลงทาง และไม่มีวันรักษาความทุกข์ที่เป็นได้เลย
เคสศึกษา เช่น เรากำลังรักสามีคนอื่น เรากำลังทำร้ายชีวิตครอบครัวเขา แต่เรากลับมองแค่ในมุมตัวเอง มีเหตุผลดีๆให้ตัวเอง แต่ไม่มองคนอื่นๆที่จะได้รับผลกระทบจากตัวเราเลย… และอีกกรณี เขาเคยนอกใจคู่รักมาก่อน เมื่อเวลาผ่านไป ผลของการกระทำนั้นย้อนเอาคืนบ้าง ถูกคู่รักนอกใจบ้าง ถึงทีตัวเองกลับโวยวาย รับไม่ได้ ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย เพราะคนเราส่วนใหญ่มองแค่ความสุขของตัวเอง โดยไม่สนใจความทุกข์ของคนอื่น จำให้ขึ้นใจนะคะ ถ้าเราอยากให้คนอื่นทำดีกับเรายังไง เราต้องทำดีกับเขาอย่างนั้นก่อนเสมอ…
รางวัลสำหรับคนที่มีจิตใจที่ดีงาม เห็นอกเห็นใจคนอื่น มีความเกรงกลัวต่อกรรมอยู่บ้าง เขาจะระมัดระวังต่อการกระทำของตัวเอง และอุปสัค ปัญหาที่เขาเจอก็จะไม่หนักหนาอะไร แต่ในบางเคส ดื้อดึง เมื่อได้ทีเป็นผู้คุมเกมส์ ก็จะใช้อำนาจนั้นเต็มที่ โดยไม่สนใจใคร คนเหล่านี้ เขาจะสำนึกอีกที เมื่อเขาเจอคู่ชกที่สมน้ำสมเนื้อ เจอคนที่คล้ายกัน จนทำให้เขาเริ่มสำนึกขึ้นมา ถึงตอนนั้น เขาอาจต้องรับมืออย่างสาหัส ให้เชื่อได้เลยนะคะ ว่าโลกนี้ยุติธรรมมาก จะมีคู่ชกที่สมน้ำ สมเนื้อกับคุณเสมอ..แค่มันต้องใช้เวลา..
เข้าใจเขานะคะ เพราะในวัยก่อนนี้ป๊อกก็เคยเป็น ไม่ใช่ง่ายๆเลย ที่เราจะสำรวจตัวเอง ด้วยตัวเองได้ว่า เราเป็นคนโลกสวยไหม มองโลกในแง่ดีเกินไปหรือเปล่า เราเป็นคนรู้ข้อเสียคนอื่นมากกว่าข้อเสียตัวเองหรือเปล่า เพราะเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ที่เราจะรับฟังข้อเสียของตัวเราจากคนอื่นได้อย่างปราศจากอารมณ์ ทุกคนล้วนอยากฟังคำชื่นชม ที่จะทำให้หัวใจพองโต และมีกำลังใจ แต่ถ้าเรารักตัวเองจริงๆ และอยากให้ชีวิตเราในวันนี้ดีกว่าเมื่อวาน เราควรฝึกรับคอมเม้น หรือข้อเสียของเรา จากคนอื่นและนำมาพัฒนา เพื่อตัวเราในวันพรุ่งนี้ จะดีกว่าวันนี้
วันนี้มี How to ในการเข้าถึง Paint point ของตัวเอง 4 ขั้นตอน มาแชร์ เผื่อเอาไปลองดูกันน่ะ
1. กระจกสะท้อนตัวตน คือ ลองให้คู่รัก เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า คนในครอบครัว หรือคนใกล้ชิดเรา สะท้อนตัวตนของเรา ในมุมเขา ว่าข้อดี ข้อเสียของเราคืออะไรบ้าง ที่เราอาจมองไม่เห็น ถ้าเราไม่สะดวกในการพูดคุยต่อหน้า เลือกเป็นการเขียนข้อความ หรือแชทก็ได้ กรณีนี้สามารถทำปีละครั้ง หรือ 6 เดือนครั้ง หรือช่วงผ่านเหตุการณ์บางอย่างที่เรารู้สึกลังเลว่าสิ่งที่เราทำไปนั้นถูกต้องหรือไม่
2. ตั้งรับ คือ การตั้งใจยอมรับแล้วว่า ไม่ว่าเขาจะสะท้อนยังไงกลับมาก็ตาม เราต้องขอบคุณเขา เขาคือคนที่กล้าพูดความจริง ให้เราได้เห็นตัวเอง ในมุมที่เราไม่เคยรู้ เราต้องไม่โกรธ ไม่ถือโทษอะไรกับเขา
3. ระบบคัดแยก คือ หาที่นั่งเงียบๆหลับตา โฟกัสลมหายใจเข้าออกลึกๆ สัก 3-5 นาทีเพื่อเรียกสติ แล้วเริ่ม ทบทวนเหตุการณ์ สำรวจตัวเอง ทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาสื่อสาร อะไรที่เป็นคำชม เก็บเป็นพลังและทำต่อไป ส่วนที่เป็นข้อเสีย ที่เราอาจมองข้าม เก็บมาเป็นครู ข้อนี้เราสามารถนำไปใช้วันต่อวันยิ่งดี เมื่อคิดทบทวนเสร็จแล้ว ให้หยุดการคิดทั้งหมดสักพัก กลับมาโฟกัสลมหายใจอีกครั้งอีกสักพัก แล้วค่อยลืมตา วิธีนี้ เสมือนติดตั้งระบบคัดแยกไว้ในตัว อะไรที่เป็นของเสีย และอะไรที่ควรนำไปรีไซเคิลปรับใช้ คุณจะกลายเป็นคนมีสติ พูดก่อนคิด ใช้สติมากกว่าอารมณ์ มีเหตุผลมากขึ้น ทำบ่อยๆสม่ำเสมอ คุณจะเห็นผลแน่นอน
4. ปรับใช้ ฝึกฝน และเปลี่ยนแปลง คนรอบตัวส่วนใหญ่ล้วนอยากพูดสิ่งดี คำชมดีๆ เพื่อให้การสนทนาเพลิดเพลินมีความสุข แต่เราจะไม่ได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวเราในการพัฒนาตัวเอง ถึงตอนนี้ถ้ามีคนสะท้อนเราให้เราเห็นจุดบ่กพร่องของเราแล้ว ขอบคุณเขา และปรับใช้ เปลี่ยนแปลงตัวเอง ปีนี้ paint point อาจจะมี 5 ข้อ ปีหน้า อาจจะเหลือแค่ 2 ข้อ และนั่นคือชีวิตที่น่าอิจฉา เพราะคุณได้มอบคุณค่าให้กับตัวเองแล้ว
และสุดท้าย เรื่องที่น่าเศร้า คือ เราไม่รู้จักตัวเองทั้งชีวิต เพราะมัวอุทิศเวลา ให้กับการทำความรู้จัก ข้อผิดพลาดของคนอื่น เอาความดื้อรั้นของตัวเองเป็นความถูกต้อง จึงไม่อาจเห็นว่าทั้งชีวิตทำผิดอะไรไปบ้าง ความเจ็บปวดที่สุดของการมีชีวิต ไม่ใช่การถูกคนอื่นทำร้าย แต่เป็นการไม่รู้ตัวว่าทำผิดอะไรไปบ้าง กระทั่งต้องให้ผลออกมาทำร้ายตัวเองเสียก่อน บางคนย้อนระลึกได้แล้ว สำนึกถูก แต่บางคนก็สำนึกไม่ได้ตลอดชีวิต นั่นแหละเรื่องน่าเศร้าที่แท้จริงก่อนตาย
เมื่อเราหันมาศึกษาและเข้าใจตัวเองอย่างจริงจัง เราจะกลายเป็นคนที่เข้าใจคนอื่นอย่างถูกต้อง ตรงจริงที่สุด..คนทุกคนเหมือนเราทุกอย่าง มีตา หู จมูก ลิ้น กาย และจิตใจ สุข ทุกข์ สมหวัง ผิดหวัง ไม่ต่างกับเรา…
ขอบคุณมากนะคะ ที่อ่านจนถึงบรรทัดสุดท้าย
ป๊อก
Date: 30 / 11 / 2019