เราทุกคนคงไม่อยากให้เรื่องแย่ๆเกิดขึ้นกับตัวเราและคนที่เรารักหรอกใช่ไหมคะ เพราะมันเจ็บลึกมาก.. แต่ถ้ามันได้เกิดขึ้นแล้ว ขอให้เราตั้งสติรับมือให้เร็วที่สุด และยอมรับเหตุการณ์ให้ได้ แล้วเดินหน้าแก้ปัญหากันต่อไป..
ครอบครัวป๊อกมีพี่น้องทั้งหมด 5 คนค่ะ ป๊อกเป็นคนที่ 4 ส่วนน้องชายเป็นคนที่ 5 เราอายุห่างกัน 4 ปี พื้นฐานครอบครัวของเราปรองดอง รักใคร่ กลมเกลียว มีรักแท้มอบให้กันเสมอๆ แต่ด้วยภาระ หน้าที่ ทุกคนไม่สามารถอยู่รวมกันได้ตลอด เพื่อรับฟัง สังเกตุความเปลี่ยนแปลงของน้อง จึงเป็นสาเหตุของโรคซึมเศร้าของเขา…
เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนตู้ (ชื่อน้องชายป๊อกค่ะ) อายุประมาณ 14 ปี ตู้เป็นคนนิสัยลุยๆ ตามประสาวัยรุ่นชายทั่วไป แต่เขาไม่ใช่คนเกรี้ยวกราด โมโหร้ายแบบไม่มีเหตุผลเลยนะคะ อีกมุมเขาเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน กีฬาก็เก่ง ตอนนั้นน้องเล่าว่า แรงบันดาลใจหลัก ของการเรียนที่ดีขึ้น คือ น้องแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งในห้องเรียน เขาจึงพยายามทำตัวให้ดีเพื่อเอาชนะใจ..เพราะในห้องเรียนน้องผู้หญิงคนนี้ Popular สุด คนอื่นๆก็ชอบเยอะ การแข่งขันจะสูงพอสมควร..
การตั้งใจเรียน และการทำตัวเองอยู่ในกรอบ กฏระเบียบของโรงเรียนของตู้ จึงกลายเป็นแกะดำในบรรดาเพื่อนชายในห้องเรียนของเขา ค่านิยมของเด็กชายในสังคมแถวนั้นคือ ความเกเร เสเพล หนีเรียน นั้นคือค่านิยมความเท่ เมื่อน้องกลายเป็นแกะดำ กลุ่มเพื่อนชายจึงไม่คบ และซุบซิบ ไม่คุยกับตู้ ในเชิงแขวะว่า ลูกแหง่ เด็กดี หนอมแหน่ม ในตอนนั้นกลุ่มเพื่อนผู้หญิงก็เข้าหาตู้เยอะค่ะ เพื่อดึงไปในทางดี แต่ก็นั่นแหละ เขาเป็นผู้ชาย อีกใจเขาก็รู้สึกลึกๆว่าสิ่งที่ทำ ถูกแล้ว หรือ เราอ่อน ไม่ดูกร้านเหมือนผู้ชายทั่วๆไป ตามค่านิยม เป็นความเก็บกดลึกๆของเด็กในวัยแค่นั้น..
เหตุการณ์โหดร้ายต่อตู้ (และบาดลึกถึงจิตใจป๊อกด้วย) เหตุการณ์แรกคือ เพื่อนชายในห้องตัวจี๊ดที่เป็นเหมือนไม้เบื่อ ไม้เมา ของตู้มาตลอด แขวะตอนเคารพธงชาติ ด้วยคำพูดรุนแรง ลามถึงพ่อกับแม่ มันเลยทำให้ตู้เก็บอารมณ์ไม่อยู่ จนถึงขั้นลงไม้ลงมือ ซึ่งโชคร้ายตอนนั้นพักพวกของฝั่งพวกเขาเยอะกว่ามาก รุมตู้คนเดียว โดยที่เพื่อนๆของตู้ ไม่สามารถช่วยอะไรน้องได้เลย (ยิ่งเล่ายิ่งเจ็บในหัวใจเหลือเกินค่ะ T T ) เหตุการณ์นี้คุณครูก็เรียกมาทำโทษโดยการตีทุกคน ตู้เสียใจและกระทบกระเทือนจิตใจเขามาก จนเดินกลับบ้านเองคนเดียว มาบอกพี่ชาย ( ตอนนั้น พี่สาวสองคน รวมถึงป๊อก เรามาทำหน้าที่ของตัวเองต่างจังหวัดค่ะ มาเรียน มาทำงาน ไม่ได้อยู่บ้านกับน้อง กับครอบครัว) แต่พี่ชายไม่ให้การช่วยเหลือ ไม่รับฟังตู้เลย ตามสไตน์พี่ชายที่มองว่าก็ผิดๆกันทั้งคู่ โดยไม่รับฟังเขา ไม่พยายามเข้าใจเขา แต่เป็นการผลักเขาออก..
เหตุการณ์ที่สองคือ ในเวลาไล่เลี่ยกัน น้องสารภาพความรู้สึก กับผู้หญิงที่เขาแอบชอบมาตลอด 7 ปี ตั้งแต่อนุบาล น้องแอบรักคนนี้มาตลอด แต่ผลที่ได้คือ โดนปฏิเสธว่าคิดแค่เพื่อน ยิ่งทำให้น้องเสียความรู้สึกอีกครั้ง คนที่น้องชายรัก เขากลับไม่รัก ส่วนคนที่ไม่ได้รัก ก็มีมาจีบและเข้าหาอีกมาก นี่แหละค่ะ ชีวิต อะไรที่เราชอบมักจะผลักออกไกลตัวเรา อะไรที่เราไม่ต้องการสิ่งนั้นมักจะพยายามเข้ามา..
เหตุการณ์ที่สามคือ ช่วงที่ตู้มีปัญหา ครอบครัวก็เป็นที่พึ่งให้กับเขาไม่ได้ ทุกคนต่างยุ่ง แยกทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่มีเวลาให้เขา พ่อกับแม่ช่วงนั้นก็มีปัญหากัน ตู้เข้าหาใครในครอบครัวไม่ได้เลย ถึงเข้าหาได้ก็เพียงเปลือกนอก ที่เข้าไม่ถึงความเข้าอกเข้าใจ หรือพยายามเข้าใจ และรับฟังเขาจากใจ เคยได้ยินเขาร้องเพลงประชดแบบดังๆของ เสือ ธนพล เพลง ช่องว่างในหัวใน เสมอๆ ท่อนหนึ่งคือ “เคยเป็นอย่างฉันบ้างหรือเปล่า พ่อแม่ทะเลาะกันทุกวัน.. เธอเป็นอย่างฉันบ้างหรือเปล่า ครอบครัวแตกร้าย ไม่ต้องการ… ” ตู้เป็นคนชอบร้องเพลง เขาร้องเพลงเก่งมากค่ะ..
อ้างอิงที่คุณขุนเขา พูดนะคะว่า คนเป็นโรคซึมเศร้า ก็เหมือนคนที่พยายามเกาะเสาไว้สักเสาเพื่อเป็นที่พึ่ง เสาครอบครัว เสาการเรียน เสาความรัก เสาเพื่อน เสางาน แต่ถ้าแต่ละเสาต่างก็ไม่แข็งแรง เปราะบาง เกาะไม่ได้เลยสักเสา แล้วจะพึ่งพา หรือเกาะเสาไหน ชีวิตก็คงล่องลอย..
ท่านผู้อ่านได้อ่านจบแล้ว มองดูเถอะนะคะ มองดูผู้คนรอบข้างของคุณอย่างใสใจ สังเกตการเปลี่ยนแปลงของเขา รับฟังเขา เข้าอกเข้าใจเขา ให้ความรัก ความหวังดี ความเมตตาต่อกันเถอะนะคะ เห็นความสำคัญของเงินทอง ของวัตถุ สำคัญน้อยกว่าจิตใจมนุษย์ด้วยกันเถอะค่ะ ชีวิตคนสำคัญและยิ่งใหญ่มาก การมองเห็นคนที่เรารักมาก เปลี่ยนไปเป็นอีกคน ที่เราพูด คุยกับเขาไม่รู้เรื่อง มันเจ็บปวดใจมากนะคะ
ซึ่งน้องชายป๊อกได้เข้ารับการรักษากับโรงพยาบาลจิตเวช ใช้เวลาพอสมควรเลยค่ะ และกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนคนทั่วๆไปแล้ว เพียงแต่ต้องกินยา ปัจจุบันนี้ น้องเป็นเด็กดี และน่ารักมากๆๆๆ กว่าจะผ่านเหตุการณ์ชลมุนกับการรักษาน้อง มันโหดร้ายต่อครอบครัวเรามาก มันสอนให้เรารู้ว่า ชีวิตสำคัญกว่าเงินทองใดๆ ความอบอุ่น การเข้าอกเข้าใจ มันสำคัญมากๆ ณ ปัจจุบัน ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากๆเลยค่ะ ในเหตุการณ์ที่แย่ๆ จะมีเหลียญรางวัลให้เราเก็บเสมอๆ..
เรื่องที่นำมาเล่า ป๊อกได้ขออนุญาตน้องชายแล้ว เขายินดีเป็นเคสธรรมทาน วิทยาทานให้กับท่านผู้อ่าน เพื่อให้ใส่ใจ ดูแลคนรอบข้าง สังเกตการเปลี่ยนแปลงของคนรอบข้างนะคะ สังคมภายนอกจะแย่ขนาดไหนก็ตาม ขอเถอะว่า สังคมครอบครัวเราต้องเข้มแข็ง และอบอุ่น เป็นการสร้างเกราะภูมิคุ้มกันที่ดีมากๆ
หากสิ่งดีเกิดขึ้นกับท่านผู้อ่านจากบทความข้างต้น ขอสิ่งดีนั้นจงมีผลต่อน้องชายสุดที่รักของป๊อก ให้ชีวิตเขารุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป รวมถึงมีผลต่อพ่อ แม่ และครอบครัวของป๊อกด้วยทุกๆคน…
ขอบคุณมากค่ะ
ป๊อก
Date: 15 / 10 / 2018 Time: 23:07 pm.