พี่สาวคนนี้เป็นคนที่ 2 ของพี่น้องทั้ง 5 คน พื้นฐานตอนเด็กพี่แกจะมีนิสัยก้าวร้าว โมโหร้าย ในวัยเด็กแกทำแสบกับพ่อและแม่ไว้เยอะพอสมควร 5555 แม่แอบสงสัยว่าอาจจะเป็นทอมซะด้วยซ้ำ แต่พอโตเป็นสาวเต็มตัวพี่สาวเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เหมือนลอกคราบ กลายเป็นสาวหวาน เรียบร้อย งานบ้านงานเรือนเป๊ะ แต่เหมือนพี่เขาซ่อนร่างนางมารร้ายในวัยเด็กไว้ ในบางครั้งจะแสดงออกมาตอนโมโห หรือไม่พอใจ อะไรมากๆ
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาป๊อกกับพี่สาวคนนี้ เราจะพูดคุยปรึกษาเรื่องชีวิตกันน้อยมาก ส่วนใหญ่จะผ่านๆ คุยสารทุกข์ สุข ดิบ ความเป็นอยู่ ปรึกษากันบ้างนานๆครั้ง (ป๊อกจะพูดคุยกับพี่สาวคนที่สามซะมากกว่า อาจจะด้วยวัยที่ใกล้กัน) แต่ก็ได้รับรู้พื้นฐานชีวิตครอบครัวของแกอยู่บ้าง ในเรื่องความลำบากในการเลี้ยงลูกชาย 2 คน และความทุกข์ใจกับสามี และที่สำคัญที่สุดคือ การคิดมาก ความคิดลบ ที่เป็นตัวทำร้ายพี่สาวคนนี้อยู่เสมอๆ..
จุดเปลี่ยนความคิดและการกระทำไปในทางที่ดีของพี่สาว จนถึงทุกวันนี้คือ เมื่อวันที่ 28 ก.ค 61 ป๊อกอยากทำบุญถวายพระพุทธรูปกับครอบครัวเลยได้บูชา องค์พระใหญ่ 30 นิ้ว ปางสะดุ้งมาร เพื่อถวายในวันเข้าพรรษา และกลับไปทำบุญร่วมกันพร้อมหน้าพร้อมตา ในระหว่างที่ทุกคนจัดสถานที่บ้าง นั่งเล่นบ้าง มีเหตุการณ์ระหว่างพี่สาวกับลูกชายคนโตของแกเกิดขึ้น ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของแก..
น้องแมคซึ่งเป็นลูกชายคนโตของแก (เด็กอายุ 10 ปี ประถม 3) ตามประสาเด็กผู้ชาย กินผลไม้ และทิ้งเปลือกเรี่ยราด ในบริเวณที่ทำความสะอาดไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ทิ้งลงขยะ ด้วยความที่คนเป็นแม่เคยสอนลูกไว้แล้ว และคาดหวังว่าลูกควรโตและควรทิ้งให้ถูกที่ถูกทาง คนเป็นแม่จึงเริ่มบันดาลโทสะ มองดูด้วยความโมโห และบอกให้เก็บ ลูกยิ่งเห็นสายตาบังคับส่งมาด้วยแรงโมโห ก็ยิ่งยั่วแม่กว่าเดิม โดยการนิ่งเฉย และทำใส่ คนเป็นแม่รู้สึกว่าทำไมถึงบังคับลูก บอกลูกไม่ฟัง จึงหันหาไม้เรียว หยิบมาเพื่อจะตีลูก คนเป็นลูกก็ไม่ยอม พ่นความโมโหกลับใส่แม่อย่างรุนแรงกว่า โดยการพุ่งเข้าทุบ ตีแม่ ซึ่งน้องแมคร่างใหญ่ อ้วนหนา สูงเกือบพอๆกับแม่ (เป็นภาพที่นั่งมองดูเหตุการณ์แล้วเจ็บแทนทั้งสองคนมากค่ะ เจ็บกายไม่เท่าไหร่ เจ็บถึงหัวอกการเห็นแม่ลูกมาทะเลาะทุบตีกันนี่บาดลึกจริงๆ เพราะทั้งสองคนเป็นคนที่เรารักมากๆทั้งคู่) โดยปกติแล้ว ถ้าไม่มีอารมณ์ น้องแมคเป็นเด็กดีมากค่ะ รักพ่อ รักแม่มาก (แบบไม่แสดงออกต่อหน้าผู้คน) และรักน้าๆ โดยพื้นฐานแกเป็นเด็กน่ารักเลย
เมื่อเหตุการณ์จบลงสีหน้าแววตาทั้งคู่ดุเดือด เต็มไปด้วยความโมโหร้าย แต่เปื้อนไปด้วยน้ำตานองหน้าทั้งคู่ อาจเพราะเป็นการทำไปด้วยความโมโห อยากเอาชนะ บวกกับความรู้สึกที่เป็นการทำร้ายคนที่เรารักมากที่สุดด้วย..
คนเป็นแม่ยังไม่จบ หลังแยกการทำร้ายกัน แม่ยังบ่นโทษสิ่งอื่นๆรอบตัว โทษไปถึงสามีว่า ลูกได้มาเต็มๆจากสามี ความโมโหร้าย ความเลือดร้อน โบ้ยไปหาสิ่งรอบๆตัว ที่ไม่มองและโทษตัวเองใดๆเลย ป๊อกเห็นทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น จนสิ้นสุด เพียงแต่สักแต่ว่ามองเห็น และให้เป็นการแสดงละครของแม่ลูก โดยที่ไม่เอาตัวเองเข้าไปยุ่ง หลังจากนั้นให้น้าๆพาน้องแมคออกไปข้างนอก ไปหาซื้ออะไรกิน เพื่อสงบสติอารมณ์ก่อน และเพื่อป๊อกอยากคุยกับแม่ของเขาเป็นการส่วนตัวด้วย…
สิ่งที่เป็นข้อดีมากๆของพี่สาวคนนี้คือ เขารับฟัง ด้วยเหตุด้วยเหตุ ไม่มีอัตตา ไมีถือตัว ไม่มีอีโก้ ไม่ยืนหยัดเข้าข้างตัวเองเอาเป็นเอาตาย แต่แกเป็นคนรับฟัง และถ้าแกผิดแกยอมปรับเปลี่ยน นั่นคือจุดแข็งของแกค่ะ แกเหมือนน้ำที่ไม่เต็มแก้ว พร้อมรับฟัง และนำไปคิด ปรับใช้…
การที่ป๊อกเป็นน้องและมาบอก มาแนะพี่สาวนี่เป็นอะไรที่กดดันพอสมควรนะคะ แต่ป๊อกออกตัวกับพี่สาวว่า น้องขอเสนอแนะได้ไหม ในสิ่งที่น้องมองเห็น น้องขอเสนอแนะด้วยความหวังดี ด้วยเจตนาดี ด้วยรักทั้งพี่สาว และหลานสุดที่รัก หากเป็นสิ่งดีเราจะปรับใช้กัน หากไม่ดี พี่ก็ทิ้งไว้ตรงนี้… ซึ่งพี่สาวยินดีและพร้อมรับฟัง..
ป๊อกบอกกับพี่สาวว่า…
เหตุการณ์นี้น้องมองเป็น 3 มุม คือ มุมน้องแมค มุมพี่สาว และมุมของกฏการย้อนกลับ
1. มุมน้องแมค เขายังเด็ก ยังไม่รู้เดียงสาอะไรมากมายนัก เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถ้าเขาโตขึ้น เขาจะจำเหตุการณ์นี้ได้ไหม แต่สิ่งที่เขาจะจำเก็บสะสมไว้ในเบื้องลึกของนิสัยเขาคือ การจัดการกับความไม่ได้ดั่งใจด้วยความโกรธ โมโหร้าย เหมือนที่แม่ของเขาทำกับเขา ซึ่งในวัยเด็กก็คงคิดว่าเป็นวิธีที่ดีและถูก ผู้ใหญ่ถึงได้นำมาใช้กับเขา เขาจะโตขึ้นและใช้ความรุนแรงแบบนี้กับเพื่อน กับแฟน และกับเพื่อนร่วมงานของเขา…เพราะคิดว่ามันจะได้ผลและดี วิธีสอนลูกที่ไม่ใช้ความโกรธ โมโหร้าย ไม้เรียว เป็นศิลปปัญญาที่ล้ำลึกจริงๆนะคะ แต่ถ้าทำได้ มันคือที่สุดของคนเป็นแม่จริงๆ ..
2. มุมพี่สาว น้องเข้าใจในความหนักอกของคนเป็นแม่ ที่พยายามสอนลูกเท่าไหร่ ลูกก็ดูมึน ไม่ฟัง มันจึงเป็นทางบันดาลความโมโหได้ง่ายๆ แต่ถ้ามองย้อนกลับไป พี่จำไม่ได้หลอ ตอนเด็กๆพี่แสบกับพ่อกับแม่ขนาดไหน ด่า โมโหร้าย ตี หยิก กัด พี่ทำมาหมดแล้วนี่นา ในเวลาที่เขาบังคับให้พี่ไปโรงเรียน แต่พี่ไม่อยากไป มันก็คงทำนองเดียวกัน เหตุการณ์วันนี้กลับมาสอนให้พี่เข้าใจว่า การเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี การดันลูกให้เรียนสูงๆ มันเหนื่อยขนาดไหน เมื่อเรารู้แบบนี้แล้ว เราคงกลับไปแก้เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่สิ่งที่เหตุการณ์วันนี้สอนคือ เราจะยังทำอีกไหม ถึงเวลาเปลี่ยนการจัดการอารมณ์ การเลี้ยงดูลูกใหม่หรือยัง และอีกอย่างทุกๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราไม่ควรจะไปโทษสิ่งๆอื่นรอบตัวเป็นอันดับแรก สิ่งแรกที่ควรไตร่ตรอง ไคร่ครวญคือ ย้อนดูตัวเราเองก่อนเสอม ว่าเหตุการณ์นี้เราผิดมาก ผิดน้อยอย่างไร และควรปรับแก้ยังไง ก่อนที่จะไล่ปัญหาภายนอก.. (แกคิดตามและร้องให้หนักมาก)
3. มุมของกฏการย้อนกลับ คือ การกระทำใดที่เราเคยทำไม่ดีกับใครไว้ ไม่ว่าด้วยการพูด ทำ หรือคิด สิ่งนั้นไม่มีดี หรือไม่ดี วันหนึ่งมันจะกลับมาสอน หรือมาตอบแทนเราบ้าง นั่นคือกฏของธรรมชาติ และวันนี้ธรรมชาติก็ได้กลับมาสอนให้พี่เข้าใจแล้ว ในหัวอกของคนเป็นแม่ เป็นพ่อ
หลังจากจบ 3 ข้อพี่สาวร้องให้หนัก และแกปรับความคิด ต่อยอดกับหลายๆเรื่องในชีวิตแกได้หมด เหมือนปลดล๊อคชีวิตของแกเลยค่ะ แกเริ่มจากกราบขอขมาบิดา มารดาของเราเองก่อน ในความผิดตอนเด็ก ตอนนี้สำนึกจากขั้วหัวใจแล้ว และขอให้พ่อกับแม่อโสหิกรรมเพื่อหนักจะได้กลายเป็นเบา…
หลังจากเหตุการณ์นั้น ทุกๆอย่างรอบตัว ทั้งสามี ลูก ความคิด ทัศนคติ และการจัดการอารมณ์ของพี่สาวก็เปลี่ยนไปในทางดีขึ้นเรื่อยๆ แกเก็บหมดทุกอย่างค่ะ ตั้งแต่การคิดดี พูดดี ทำดี สะสมสิ่งดีๆ เพื่อต้อนรับผลการย้อนกลับในฝ่ายดี ดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาหาตัว.. หลังๆเราคุยกัน ปรึกษากันตลอด และคุยกันเยอะมาก ป๊อกเห็นการเปลี่ยนแปลงของพี่สาวคนนี้ไปในทางที่ดีขึ้นทุกวันๆ ซึ่งปลื้มใจมากๆค่ะ ^ ^
หากความดีจากบทความข้างต้นได้เกิดขึ้นกับผู้อ่านอาจจะมากหรือน้อย ขอความดีนั้นจงสงผลถึงพี่สาวและครอบครัวที่น่ารักของเขา เกื้อหนุนให้ชีวิตของพวกเขาพบเจอแต่ความสุขยิ่งๆขึ้นไปค่ะ…
ป๊อก
Date : 16 / 10 / 2018 Time: 13:15 PM.