เรื่องนี้เป็นอีกเรื่อง ที่สอนให้ป๊อกเข้าใจจริงๆว่า ไม่มีความแน่นอน บนโลกกลมๆใบนี้เลยสักอย่าง ความแน่นอน กลับคือความไม่แน่นอน ถึงแม้เราจะมั่นใจว่ามันแน่นอนสักแค่ไหนก็ตาม .. เพราะงั้น เราควรมีสติรู้ และตั้งรับอยู่เสมอๆ..
รสา (นามสมมุติ) ป๊อกรู้จัก รสาพร้อมๆกันกับ พ้อย (พ้อย EP.4) ที่บริษัทเดียวกัน เป็นเพื่อนแก๊งเดียวกัน พื้นฐานของรสาเป็นคนทัศนคติดี ดูเรียบร้อย พูดจาไพเพราะ อ่อนหวาน ทำงานเก่ง ฉะฉาน บุคลิกดี ภาพรวมภายนอกดู Perfect ในระดับหนึ่งเลย แม้กระทั่งแฟนที่นางคบอยู่ ยังเคยชมกับนางอยู่เลยว่า เกิดมาเพื่อคู่กันจริงๆคู่นี้ ผู้ชายดีมากๆ เสมอต้น เสมอปลาย ไม่เคยนอกลู่นอกทาง ให้รสาต้องระแวง หรือเจ็บช้ำน้ำใจเพราะมือที่สามเลยสักครั้งตลอด 5 ปีที่ผ่านมา แต่ก็อย่างที่เกริ่นไว้ในเบื้องต้น ว่าความไม่แน่นอนบนโลกใบนี้เกิดขึ้นได้เสมอจริงๆ..
ตลอดเวลาที่เราเป็นเพื่อนกันมา ป๊อกรู้จักรสา แต่ไม่ได้รู้ลึกปัญหาของนางมากนัก แต่ก็มีปรึกษา ระบายกันได้เท่าที่น้องอยากให้เราเข้าถึงเท่านั้น ส่วนป๊อกก็ยินดีรับฟัง ให้คำปรึกษา ด้วยความจริงใจกับเพื่อนๆเสมอ จนวันหนึ่งรสา โทรมาหาป๊อก…
“พี่ป๊อกคะ ว่างคุยไหม รสาไม่รู้จะคุยกับใครได้แล้ว ตอนนี้อึดอัดมาก นึกถึงพี่เป็นคนแรกเลย หนูคิดมาก และเครียดมาหลายวันแล้ว เรื่องอาการร่อแร่ของแฟนหนู…” รสาเป็นคนที่ถ้าไม่อาการหนักจริงๆ รสาจะไม่มารบกวนแน่ๆค่ะ น้องเขาจะจัดการปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ด้วยตัวเองได้เสมอ เพราะเป็นคนคิดบวก และทัศนคติดี แต่ในเคสนี้ น้องเจอเรื่องหนักจริงๆ.. จึงให้รสาเล่าความเป็นมาทั้งหมดให้ฟัง..
“อย่างที่พี่ป๊อกรู้ ที่ผ่านมาเราคบกันดีมาตลอด ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป ตอนที่แฟนหนูเขาได้รับตำแหน่งเป็น หัวหน้าทีมดีไซน์เนอร์ ซึ่งเขาต้องแบกรับภาระ การบริหารทีม และแจกแจงงาน โดยที่คนในทีมอายุมากกว่าเขา เขาอายุน้อยกว่า และได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าจากบอส ซึ่งบอสน่าจะเห็นแววในความสามารถของเขา ฟังดูเหมือนจะดีนะคะ ที่แฟนหนูได้รับตำแหน่งและกำลังก้าวหน้า แต่จริงๆแล้วมันเป็นการเริ่มต้นของคลื่นความเครียดลูกใหญ่ที่ตามมา เพราะความที่แฟนหนูรักงาน ตั้งใจทำงาน รับผิดชอบงานส่วนตัวได้ดี แต่เขามีความเกรง อก เกรงใจผู้อื่นสูง และไม่กล้าแจกแจงงาน มอบหมายงาน ให้ผู้อื่น บางอย่างก็เก็บไว้ทำเอง เพื่อความสบายใจ แต่เหมือนเป็นการแบกความเครียดไว้ที่ตัวเอง สะสมมาเรื่อยๆ จนเขากลายเป็นคนเก็บตัว มีอะไรก็เก็บตัวเงียบ ไม่อยากพบรสาเลย ไลน์ หรือโทร กับรสาก็น้อยลง เขาให้เหตุผลแค่ว่า อยากอยู่คนเดียว ขอพักอยู่กับตัวเอง และอยากพบจิตแพทย์เพื่อดูว่าเป็นโรคซึมเศร้าในระยะเริ่มต้นหรือเปล่า รสาเครียดมากค่ะ เครียดมาหลายวันแล้ว ทั้งสงสารอยากช่วยเขา และเสียใจกับความสัมพันธ์ของเราที่กำลังร่อแร่ และอาจจะถึงทางที่ต้องแยกกัน.. เพราะเขาบอกชัดเจนว่าอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากพบเจอใครๆแม้กระทั่งรสา..รสาลองสืบๆแล้วนะคะ ว่าเขามีบุคคลที่สามเข้ามาหรือเปล่า งานเป็นข้ออ้างหรือเปล่า ที่ทำงานก็บอกนะคะ ว่าไม่มี เครียดเรื่องงานน่าจะมีส่วนมากที่สุด…” รสาได้ระเบิดเล่า ความอึดอัดในใจ ออกมาให้ป๊อกฟัง…
ป๊อกจึงเริ่มให้คำปรึกษารสาว่า
1. สิ่งแรกที่รสาควรทำตอนนี้คือ ตั้งสติ ยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน และหยุดโทษตัวเอง เพลาๆเรื่องการคิดมาก เพราะมันเป็นสิ่งที่จะทำร้ายตัวเราเองด้วย เรื่องบางเรื่องถึงแม้เราอยากจะเข้าไปช่วยเขาแค่ไหน มันก็ไม่เป็นผล เพราะทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวบุคคล ของคนนั้นเอง เราเป็นเพียงที่ปรึกษา ให้กำลังใจ ยืนข้างๆเขา เราทำได้เท่านั้น
2. ให้อิสระและพื้นที่กับเขา ตามที่เขาร้องขอว่า อยากอยู่คนเดียวสักพัก เพื่อรักษาตัวเอง จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เราควรเคารพการตัดสินใจของเขา และถอยออกมา เพื่อให้ตามที่เขาร้องขอ โดยไม่จุกจิก เจ้ากี้ เจ้าการ และถามหาเหตุผล..
3. ในฐานะแฟน จะให้เราห่างออกมาเฉยๆก็คงทำใจยาก รสา หยุดการถาม จุกจิกเขา แต่ทิ้งข้อความสุดท้ายประมาณนี้ว่า “รสายังอยู่ข้างๆและเป็นห่วงเสมอนะ จากใจจริงๆ ถ้าต้องการคนรับฟัง คนอยู่ข้างๆ หรือระบาย รสายินดีเสมอ ขอแค่ทักหรือโทรมา จากนี้ไป รสาจะไม่กวนเทออีกทุกช่องทาง ตามที่เธอร้องขอ เพื่อให้พื้นที่อิสระ ที่เธอต้องการ” แสดงความเป็นห่วงเป็นใย และสื่อสารให้เขารู้ว่า เรายืนอยู่ข้างๆเขาเสมอนะ…
4. ให้รสาตั้งรับไว้นะลูก.. ว่าหากเรากับเขาเป็นคู่กัน เราจะผ่านปัญหาและอุปสัคไปได้ และกลับมารักกัน แต่หากไม่ใช่ โลกจะผลักเขาให้ห่างกันในเวลาที่เหมาะสม และอาจจะมีสิ่งทดแทนรอเราอยู่ข้างหน้า เพราะงั้นอยู่กับปัจจุบัน รักษาตัวเอง รักษาความคิด ความเครียด ปล่อยวาง และทำทุกวันให้ดีและรักษาความเบา ไม่ฟุ้งซ่านในใจ.. เพื่อร่างกายและจิตใจของเราเอง..
5. ถ้ายังคิดมาก ฟุ้งซ่าน รสาลองมองหาคนที่เรารักเรามากที่สุด ที่ยังอยู่ข้างๆเรา เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง ของเรา เอาใจกลับมาซบไออุ่นของรักแท้ที่เรายังมีอยู่ เพื่อเพิ่มพลังให้กับหัวใจเรา ออกไปปล่อยปลา ทำบุญ ให้ทาน ที่จะเป็นการทำให้ใจเราเบา และปล่อยวางลงได้บ้าง ในแบบเราที่รู้สึกผ่อนคลาย
รสาเป็นคนที่ไม่ต้องพูดเยอะค่ะ เราคุยกันครั้งเดียว น้องสามารถจัดการตัวเองได้ต่อ และฟื้นตัวจากความคิดมาก เจ็บปวดได้ไว นี่แหละค่ะ อำนาจของคนทัศนคติดี และคิดบวก ถึงแม้จะเจอมรสุม แต่เขาจะผ่านมันไปได้ไว ไม่ยืดเยื้อ
หากบทความนี้พอจะเป็นวิทยาทาน ธรรมทานให้แง่คิดดีๆกับผู้อ่านได้บ้าง ขอความดีนั้น ส่งถึงตัวละครทั้งหมดของบทความนี้ด้วยนะคะ..
ป๊อก
Date: 16/10/2018 Time: 22:32 PM