กุญแจหลักในทุกๆเรื่อง…. ไม่ว่าจะพัฒนาตัวเอง จัดการระบบ จัดการคน จัดการปัญหา หรือจัดการภาพรวมองค์กร ก่อนการจะไปจัดการกับสิ่งอื่นใดรอบกาย สิ่งแรกสุด ที่เราควรตรวจสอบคือ สำรวจตัวเราเองก่อนเสมอ ก่อนไปจัดการปัญหาของคนอื่น ปัญหาตัวเราจัดการได้หรือยัง ก่อนไปช่วยเขาจากสุขภาพที่อ่อนแอ สุขภาพร่างกายของเราแข็งแรงหรือยัง ในทุกๆเหตุการณ์ของชีวิตเราควรเริ่มต้นจากตัวเองก่อนเสมอ มันจะทรงพลัง และมีเครดิตสูงมาก ดั่งคำที่กล่าวไว้ว่า
“ตัวอย่างที่ดี มีค่ากว่าคำสอน เพราะการเป็นตัวอย่างที่ดี เป็นการชักนำผู้อื่นให้เกิดความประทับใจในเบื้องต้น และเป็นการเชื่อมโยงทั้งความคิดและการกระทำไปสู่สิ่งที่ดีงามในวันข้างหน้าได้อย่างลงตัว เปรียบเช่นกับการรู้จักหาพันธุ์ไม้ที่มีความเข้มแข็งมาเป็นต้นกล้า เพื่อที่จะให้เป็นต้นกล้าแห่งความหวังที่จะเติบโตด้วยความมั่นคงในโอกาสต่อไป…” Cr. Wasawat D.
ถ้าเราทำตัวอย่างที่ดี บวกรวมกับคำสอนที่ดี มันจะทรงพลัง และได้รับเครดิตที่ดีจากเพื่อนร่วมงานแน่นอนค่ะ….
น้องเต้ (นามสมมุติ) เต้ เป็น โปรแกรมเมอร์ รุ่นใหม่ ไฟแรง ส่วนป๊อกเป็น โปรเจคเมเนเจอร์ คอยจัดการโปรเจค และขอความช่วยเหลือจากเต้ ในการทำงานให้โปรเจคผ่านไปอยู่เสมอๆ.. ภาพรวมของเต้เป็นเด็กที่สื่อสารเก่ง เห็นอกเห็นใจคนอื่น ยิ้มแย้ม อัธยาสัยดี เป็นกันเองกับทุกคน เชิงเหตุผลสูง แต่พิเศษกว่าโปรแกรมเมอร์อื่นๆคือ เขาดัน Emotional สูงด้วย ซึ่งหาได้ยากมากในผู้ชายแท้ๆ.. เท่าที่เล่าภาพรวมแล้ว และจินตนาการตาม ผู้ชายคนนี้ดู Perfect มากเลยเนอะ 555 แต่ในมุมมองป๊อก และเพื่อนร่วมงานอื่นๆ กลับยังมองแล้วถอนหายใจยาวๆ พร้อมกับเหลือกตามองบนอยู่ เป็นเพราะอะไรกันนะ..
ป๊อกได้มีโอกาสนั่งคุยกับน้องเต้ แบบเป็นส่วนตัว เชิงแลกเปลี่ยนแนวคิด แลกหมัด แลกข้อดี ข้อเสียของกันและกัน เพื่อพัฒนาตัวเขา และตัวป๊อกเอง.. (ข้อดีของเต้อีกเรื่องคือ เขาเป็นเด็กที่รับฟัง เหมือนน้ำที่ไม่เต็มแก้ว แต่จะเริ่มปรับทันทีไหม อันนี้ยังไม่ชัวส์ค่ะ คอยดูตอนต่อไป)
ถ้าจากมุมมองของป๊อกที่ได้รู้จักน้องมาในระยะเวลา 3 ปี ถ้าให้วิเคราะห์ก็คือ ถ้าเราสมมุติบรรทัดฐานของความ Perfect ของคนทำงานไว้ 0 – 10 ข้อ จริงๆเขาอาจจะเก็บไปแล้วคือ 3 – 10 แต่สิ่งที่เขาขาดคือ 0 – 2 ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญ ถึงแม้มันจะเล็กๆ น้อยๆ ที่หลายคนมองข้าม แต่ในฐานะคนทำงานมา 10 กว่านี้ ป๊อกมั่นใจว่า 0 – 2 นี่โคตรสำคัญ..
0. เต้จัดการเรื่องเวลาไม่ได้ ซึ่งหลายคนมองว่าไม่สำคัญ แต่ความจริง มันสำคัญมว๊ากกก มันคือเครดิตพื้นฐานเลย กระทั่งเวลาเข้างาน การตรงต่อเวลาในการส่งงาน การให้เกียรติคนอื่นในการตรงต่อเวลานัด การขาดงานบ่อย ซึ่งความน่าเชื่อถือ ความไว้ใจ เครดิตหลักอยู่ที่ข้อ 0. นี่แหละ..
1. เต้ยังให้ความรู้สึกกับผู้อื่นในเชิง “พูดมากกว่าทำ” อยู่ หมายถึง เต้จะวาดภาพงานที่จะออกมา ยิ่งใหญ่ไว้มาก ควรเป็นแบบนี้ เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้แบบนั้น เอาจริงๆแนวคิดที่เขาเสนอดีนะคะ แต่แค่บางทีก่อนเราจะคิดอะไรที่กว้างใหญ่ไกลเกินขอบเขตงานที่ลูกค้าต้องการ เราก็ควรเก็บขอบเขตงานพื้นฐานให้เป๊ะก่อน… แต่เต้ยังทำไม่ได้..
2. ด้วยความที่เต้เป็นคน เห็นอกเห็นใจคนอื่นสูง ในระหว่างทางที่ได้รับมอบหมายให้ทำโปรเจคหนึ่งๆ ก็จะมีคนมาให้ช่วยอันนั้น ช่วยอันนี้ มีงานนอกทำโปรเจคนั้น โปรเจคนี้ ซึ่งก็อยากช่วยทุกๆคน แล้วแบกรับไว้ ใช่ค่ะ คนเราแบกรับหลายๆอย่างพร้อมๆกันไม่ได้ เราควรจัด Priority ตัวเองให้ได้ ถึงแม้จะอยากช่วยแค่ไหนก็ตาม มันจะมีลำดับความสำคัญน้อย สำคัญมากเสมอ เพราะถ้าเราจัดลำดับไม่เป็น มันจะล้มเป็นโดมิโน่ คือล้มทุกๆโปรเจค และอาจล้มถึงสุขภาพของเราเองด้วย..
และเมื่อเรารับผิดชอบงานหลักให้ตรงต่อเวลาไม่ได้ หรือ ต้องทิ้งโปรเจคไว้ระหว่างทางให้เพื่อนคนอื่นช่วย มันก็คือแต้มลบ ที่เป็นสาเหตุของความ ไม่ไว้ใจ และไม่มีเครดิตจากเพื่อนร่วมงานนั่นเอง… แต่ก็นั่นแหละ คนเราเกิดมามีข้อดี ข้อเสีย ที่แตกต่างกันไป ดีสุดๆแล้วค่ะ ที่เรายอมรับในข้อเสียนั้นๆได้ ถึงแม้อาจจะยังแก้วันสองวันยังไม่ได้ แค่เรามีสติรู้ มันจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้เอง..
หวังเป็นที่สุดว่า บทความข้างต้นจะมีส่วนในการย้อนคิด ปรับใช้กับตัวผู้อ่าน และทำให้เกิดผลดีได้บ้าง และหากผลดีเกิดขึ้นไม่ว่าน้อยหรือมาก ป๊อกขอมอบผลดีนั้นให้เจ้าของเรื่องในบทความนี้ค่ะ..
ป๊อก
Date: 17 /10 / 2018 Time: 8 :51 AM.